แนะจังหวะลงทุนหุ้นปันผลปี’63 โบรกชู 6 บจ.แจ่ม-สหรัฐVSอิหร่านไม่กระทบ

โบรกฯแนะจังหวะลงทุนหุ้นปันผล “บล.เอเซีย พลัส” สแกน 6 หุ้นปันผลเด่น-ปัจจัยพื้นฐานดี เชียร์ซื้อทันทีแล้วขายทำกำไรก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD เผย “PSH” ให้ผลตอบแทนต่อปีสูงสุด 8.10% “LH” สูงสุด 7.4% ฟาก “บล.ทรีนีตี้” ชี้ภาวะดอกเบี้ยต่ำจูงใจนักลงทุนซื้อหุ้นปันผล-ความขัดแย้ง “สหรัฐ-อิหร่าน” ไม่ส่งผลกระทบ ระบุควรซื้อต้นปีแล้วขายภายในเดือน เม.ย.

นายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การลงทุนในหุ้นปันผลยังมีความน่าสนใจ โดยกลยุทธ์การลงทุนที่ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส แนะนำมาตลอด คือ การลงทุนก่อนขึ้นเครื่อง XD (ไม่ได้รับสิทธิรับเงินปันผล) หรือก่อนการจ่ายเงินปันผลราว 2 เดือน เพราะนอกจากผู้ลงทุนจะได้รับเงินปันผลแล้ว ยังมีโอกาสได้รับกำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นที่ปรับขึ้น (capital gain) อีกด้วย โดยหุ้นที่มีการจ่ายปันผลครั้งเดียว ยิ่งมีความน่าสนใจเพราะให้ปันผลในระดับที่ค่อนข้างสูง

ทั้งนี้จากสถิติพบว่า หุ้นปันผลกว่า 80% จะให้ส่วนต่างผลตอบแทนจากราคาหุ้นราว 8% โดยเฉพาะหุ้นที่มีอัตราเงินปันผล (dividend yield) สูง ราคาหุ้นจะยิ่งปรับขึ้นสูงตามไปด้วย

“การจ่ายปันผลประจำปีจะอยู่ระหว่างช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค.เป็นต้นไป หากนับเฉพาะเดือน มี.ค. ก็มีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) กำหนดจ่ายปันผลราว 200 บริษัท ดังนั้นช่วงเวลาที่เหมาะจะเข้าซื้อหุ้นปันผลก็จะอยู่ในเดือน ม.ค. อย่างไรก็ตาม หากนักลงทุนต้องการซื้อขายทำกำไรระยะสั้น แนะนำให้ขายหุ้นในวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD เพราะจากสถิติพบว่า หลังขึ้นเครื่องหมาย XD ราคาหุ้นจะไม่ค่อยโดดเด่น (outperform)”

ขณะที่ภาวะดอกเบี้ยต่ำเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้หุ้นปันผลมีความน่าสนใจ โดยที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายลง 3 ครั้ง มาอยู่ที่ระดับ 1.75% และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศลดดอกเบี้ยลง 2 ครั้ง มาอยู่ที่ 1.25% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดในประวัติการณ์ นับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ขณะที่การสำรวจความเห็นของบลูมเบิร์ก (Bloomberg Consensus) คาดว่า ดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ระดับต่ำต่อไปอีกราวครึ่งปี

“ในภาวะที่ดอกเบี้ยต่ำ คนก็จะมีพฤติกรรมแสวงหากำไรมากขึ้น (search for yield) ดังนั้น พวกกลุ่มหุ้นปันผลจะดูโดดเด่น หรือเฉิดฉาย ท่ามกลางดอกเบี้ยที่ต่ำต่อเนื่องในปีนี้ โดยฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส แนะนำซื้อ 6 หุ้นปันผลที่สามารถทยอยสะสมได้ทันที (ดูตาราง) เพราะเป็นหุ้นที่พื้นฐานดี สามารถลงทุนเพื่อเป็นเกราะป้องกันความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกทั้งเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศและสงครามการค้าที่เข้ามากระทบได้” นายภราดรกล่าว

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส คัดเลือก 6 หุ้นปันผลสูงในปี 2563 ซึ่งเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยกระจายตัวในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รับเหมาก่อสร้าง พลังงาน สาธารณูปโภค และอาหาร ได้แก่ 1. บมจ. พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) 2.บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) 3.บมจ.ไพลอน (PYLON) 4.บมจ.ปตท. (PTT) 5.บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) และ 6.บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW)

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ฤดูกาลการลงทุนในหุ้นปันผลจะอยู่ในช่วง 4 เดือนแรกของปี ตั้งแต่เดือน ม.ค.-เม.ย. จากสถิติของดัชนี SET High Dividend 30 Index (SETHD) ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มหุ้นปันผลพบว่า ในช่วง 8 เดือนที่เหลือของปี ราคาหุ้นปันผลจะไม่ค่อยโดดเด่น (underperform) ดังนั้นจึงแนะนำนักลงทุนเข้าซื้อต้นปี และขายทำกำไรภายในเดือน เม.ย.

ทั้งนี้ จากสถิติตั้งแต่ปี 2554 พบว่า ส่วนต่างผลตอบแทนจากราคาหุ้นปันผลจะอยู่ที่ 8-10% ซึ่งหุ้นปันผลมักจะกระจายอยู่ในกลุ่มธนาคาร พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร และวัสดุก่อสร้าง

“ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาล (bond yield) และดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับที่ต่ำ โดยเฉพาะหลังเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับอิหร่านที่ส่งผลให้นักลงทุนหันมาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น ดังนั้น ส่วนต่างผลตอบแทนระหว่างหุ้นและพันธบัตร (earning yield gap) ในปัจจุบันจึงสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับการลงทุนในตลาดหุ้น ขณะที่หุ้นปันผลเป็นหุ้นที่ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์อะไร ก็ยังสามารถตอบโจทย์ในการลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนได้ แต่ควรลงทุนในช่วง 4 เดือนแรกที่ราคาหุ้นปรับขึ้นโดดเด่น (outperform) เท่านั้น”