ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักวิเคราะห์ตลาดการเงินและการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ (27 ก.พ.) ที่ระดับ 31.79 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 31.86 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบเงินบาทวันนี้อยู่ที่ 31.73-31.88 บาทต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ ในช่วงคืนที่ผ่านมาตลาดการเงินสหรัฐยังอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk off) โดยดัชนีตลาดหุ้น S&P500 ติดลบ 0.38% แม้ Euro Stoxx 50 ของฝั่งยุโรปจะเริ่มยืนได้ และปรับตัวขึ้น 0.14%
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
อย่างไรก็ดี ความกังวลกับภาวะการระบาดของไวรัสโควิด-19 นี้ยังส่งผลให้ตลาดมีมุมมองว่านโยบายการเงินจะต้องผ่อนคลายลงอีก อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) สหรัฐและเยอรมันอายุ 10 ปี จึงปรับตัวลงแตะระดับ 1.30% และ -0.50% ตามลำดับ ขณะเดียวกันราคาน้ำมันดิบเบรนท์ก็ไหลลงทำจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2017 ที่ 53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้ว
ในฝั่งตัวเลขเศรษฐกิจ ก็ยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของการบริโภค โดยล่าสุดทางการจีนรายงานยอดขายรถยนต์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวลง 83% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ในช่วงสองสัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ ยอดขายรถยนต์ในจีนปรับตัวลงไปแล้วกว่า 92% จากปีก่อน ทั้งหมดย้ำชัดว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะไม่ฟื้นตัวในช่วงที่มีการกักบริเวณควบคุมการระบาด ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ก็กังวลกับการเดินทางและจับจ่ายใช้สอย
ฝั่งตลาดเงิน ในคืนที่ผ่านมาดอลลาร์ทรงตัวได้ดีกว่าสกุลเงินหลักอื่นๆ เนื่องจากความหวังว่าสหรัฐ อาจมีแผนการควบคุมการระบาดที่ดีกว่า ขณะเดียวกันก็เป็นทวีปที่ห่างไกลจากศูนย์กลางของการระบาดด้วย อย่างไรก็ตาม เช้านี้หลังจากที่โดนัล ทรัมป์ ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการรับมือโควิด-19 ของสหรัฐ ก็เริ่มเห็นดอลลาร์ย่อตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเอเชียทันที
ด้านการเคลื่อนไหวของเงินบาท จุดที่ต้องจับตาอย่างแรก คือทิศทางของเศรษฐกิจเอเชียที่หลายสำนักกำลังทยอยปรับคาดการณ์ให้เหมาะสมกับความเป็นจริงที่กำลังแย่ลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันภาพการลงทุนในระยะสั้น
“ส่วนเรื่องที่สองคือ ทิศทางของนโยบายการเงินสหรัฐว่าจะมีการลดดอกเบี้ยลงในการประชุมนโยบายการเงินครั้งต่อไปในวันที่ 19 มีนาคมทันทีเลยหรือไม่ ซึ่งน่าจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์การระบาดของไวรัสและความเคลื่อนไหวของตลาดทุนสหรัฐ ซึ่งทิศทางนโยบายการเงินดังกล่าว เป็นตัวแปรหลักที่อาจพลิกให้สกุลเงินในฝั่งเอเชียฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้เช่นกัน” ดร.จิติพลกล่าว