นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2563 (ต.ค.62-เม.ย.63) สูญเสียรายได้กว่า 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งอาจส่งผลให้ปีงบประมาณนี้ สรรพากรจัดเก็บรายได้ทั้งปีต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 2.116 ล้านล้านบาท โดยจะต่ำกว่าเป้าเท่าไหร่นั้น ยังสรุปไม่ได้ จะต้องรอพิจารณาประกอบกับการยื่นแบบภาษีในช่วงเดือน ส.ค.63 ด้วย อย่างไรก็ดี กรมได้รายงานการสูญเสียรายได้ให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รับทราบแล้ว ซึ่งยังไม่มีการพิจารณาปรับลดเป้าจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2564
สำหรับสาเหตุที่ทำให้กรมสรรพากรจัดเก็บในช่วง 7 เดือนแรกต่ำเป้านั้น เป็นผลมาจากการที่กรมออกมาตรการดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด ซึ่งประกอบด้วย การขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ การนำส่ง และการชำระภาษีอากร ทั้งบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล พร้อมกันนี้ สรรพากร ยังได้เร่งคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไปแล้วกว่า 95% จากผู้ขอคืนทั้งหมดประมาณ 3 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นภาษีที่คืนประมาณ 28,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ยังมีมาตรการคืนสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการในประเทศ โดยการลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายที่มีอัตรา 3% ให้เหลือในอัตรา 1.5% สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมินตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 30 ก.ย. 2563 และการดำเนินการหักภาษี ณ ที่จ่าย (e – Withholding Tax) กรมสรรพากรได้ลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย จากอัตรา 3% ให้เหลือ 2% สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมินตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2563 – 31 ธ.ค. 2564 ที่จ่ายผ่านระบบ e – Withholding Tax
