“ตลาดหลักทรัพย์ฯ” จับมือ “KBTG” ปักธงขายโทเคนดิจิทัลปีหน้า

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับ ‘กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป’ พัฒนาแพลตฟอร์มปูทางการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลของไทย ตั้งเป้าเริ่มระดมทุนโทเคนดิจิทัลได้จริงภายในปี 2564 เพิ่มช่องทางการลงทุนแก่นักลงทุนรายย่อย ‘ภากร’ เผยแบงก์อื่นๆ ต่อคิวร่วมทุนเพียบ

วันที่ 5 ตุลาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดโลกตลาดทุนแบบใหม่ ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลครบวงจรร่วมกับ กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีของกสิกรไทย โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลครบวงจรบนเทคโนโลยีประมวลผลและจัดเก็บแบบกระจายศูนย์ (Distributed Ledger Technology)

ครอบคลุมตั้งแต่การเชื่อมต่อกับระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงบริการกระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัล เพิ่มโอกาสความหลากหลายของการระดมทุนและลงทุน ต่อยอดความคิดสร้างสรรค์และเติบโตอย่างไร้ข้อจำกัดภายใต้กรอบกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และตอบสนองไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล

ทั้งนี้ KBTG ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีของธนาคารกสิกรไทยได้เป็นพันธมิตรร่วมพัฒนารายแรก โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยว่ามีแผนร่วมมือกับพันธมิตรอื่นเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลที่ครบถ้วนตามมาตรฐานโลก คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในปี 2564 และจะเชื่อมต่อกับโครงสร้างพื้นฐานตลาดทุนดิจิทัล ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาร่วมกับทุกภาคส่วนภายใต้นโยบายของสำนักงาน ก.ล.ต.

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เดินหน้าสู่การเป็นตลาดทุนดิจิทัลเต็มรูปแบบอย่างต่อเนื่อง โดยจัดตั้ง บริษัท ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไทย จำกัด ภายใต้กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ ขับเคลื่อนการพัฒนาแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การเชื่อมต่อกับระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลในตลาดแรก (Initial Coin Offering Portal หรือ ICO Portal) ทุกรายที่มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนและผู้ระดมทุน การซื้อขายเปลี่ยนมือในตลาดรอง คือ ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange)

รวมไปถึงการให้บริการกระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Wallet) เก็บรักษาโทเคนดิจิทัล เพิ่มช่องทางใหม่สำหรับผู้ต้องการระดมทุน อีกทั้งยังสร้างโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก หลังจากพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยสำนักงาน ก.ล.ต. มีผลบังคับใช้ในปี พ.ศ.2561

“ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ KBTG ออกแบบแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลให้เป็นสถาปัตยกรรมแบบเปิด (Open Architecture) โดยผู้ประกอบการทุกรายสามารถเข้าใช้งานร่วมกันได้อย่างเป็นธรรม โปร่งใส และมีกติกาที่ทุกฝ่ายยอมรับและปฏิบัติตาม นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนจับมือกับพันธมิตรรายอื่นเพิ่มเติม เพื่อร่วมมือกันเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนการพัฒนา ecosystem ของสินทรัพย์ดิจิทัลร่วมกัน” นายภากร กล่าว

ทั้งนี้ กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีของธนาคารกสิกรไทยจะเป็นผู้ให้บริการ ICO Portal รายแรกที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะพัฒนาขึ้นนี้ โดยปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการประเมินความเป็นไปได้และวิเคราะห์ประโยชน์ที่จะได้รับ เพื่อเตรียมความพร้อมในการยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจากสำนักงาน ก.ล.ต. โดยตั้งเป้าหมายให้เกิดการระดมทุนโทเคนดิจิทัลบนแพลตฟอร์มนี้ในปี พ.ศ. 2564

นายภากร กล่าวอีกว่า การสร้างแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลนี้เป็นหนึ่งในโครงการของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ตอบสนองนโยบายในการพัฒนาเศรษฐกิจรูปแบบดิจิทัลของภาคทางการ ตลอดจนความต้องการของผู้ระดมทุนและผู้ลงทุน ในอนาคตแพลตฟอร์มนี้จะเชื่อมต่อกับโครงสร้างพื้นฐานตลาดทุนดิจิทัลตอบสนองวิสัยทัศน์และนโยบายของสำนักงาน ก.ล.ต.

“เราสานต่อจากโครงสร้างที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ และสมาคมธนาคารไทย ร่วมกันวางเอาไว้ โดยใช้เงินจากกองทุนส่งเสริมการการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) และเงินจากพาร์ทเนอร์ที่เข้ามาต่อเชื่อม โดยแพลตฟอร์มที่พัฒนาร่วมกับ KBTG วันนี้ถือเป็นวงย่อยวงหนึ่งที่เชื่อมต่อกับระบบนิเวศน์การระดมทุนดิจิทัลขนาดใหญ่ ซึ่งในระยะถัดไปคาดว่าจะเห็นการร่วมมือลักษณะนี้กับแบงก์อื่นๆ รวมถึงหน่วยงานรัฐและเอกชนอื่นๆ อีกด้วย” นายภากร กล่าว

ด้าน นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) เปิดเผยว่า ความร่วมมือ KBTG กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในการพัฒนาแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลครบวงจรด้วยเทคโนโลยี DLT ครั้งนี้ เกิดจากวิสัยทัศน์ที่มีร่วมกันในการเพิ่มช่องทางการลงทุนในผลิตภัณฑ์บนแพลตฟอร์มใหม่ที่เพิ่มโอกาสให้แก่ธุรกิจในการระดมทุน และเป็นทางเลือกแก่นักลงทุนที่มองหาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่แตกต่าง

มีรูปแบบผลตอบแทนและระดับความเสี่ยงที่หลากหลาย เพิ่มเติมจากผลิตภัณฑ์ทางการเงินในปัจจุบัน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของธนาคารกสิกรไทยที่มุ่งเน้นการให้บริการที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงและบริหารจัดการความมั่งคั่งของตนเองได้อย่างเท่าเทียม (Democratized Savings and Investment)

โดย KBTG มีประสบการณ์เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทผู้ริเริ่มพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของระบบหนังสือค้ำประกันบนเทคโนโลยี Blockchain (E-LG on Blockchain) ร่วมกับบริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งนับว่าเป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการใช้งานจริงเป็นลำดับแรกๆ ของประเทศ

ดังนั้น ในการพัฒนาครั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์และ KBTG จึงตั้งเป้าหมายที่จะทำให้กลายเป็นแพลตฟอร์มกลางที่จะช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้แก่ภาคธุรกิจไทย ช่วยให้ธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนใหม่ และคาดว่าแพลตฟอร์มจะเป็นตลาดที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าตลาดเพื่อการลงทุนในปัจจุบัน

ด้วยการออกแบบหน่วยลงทุนที่มีการผสมผสานระหว่างหุ้น หุ้นกู้ และกองทุน ที่สามารถให้สิทธิประโยชน์อื่นแก่ผู้ลงทุน ที่นอกเหนือจากผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินได้ ทำให้การลงทุนในโทเคนที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน (Asset-Backed Token) กับ ICO Portal มีความน่าสนใจอย่างมาก และเชื่อว่าการร่วมมือครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของโลกการระดมทุนและการลงทุนในประเทศของเราภายใน 2-3 ปีข้างหน้า

“ในอนาคตคาดว่าจะเห็นการนำอสังหาริมทรัพย์ หรือสินทรัพย์อื่นๆ มาออกเป็นเหรียญดิจิทัลที่ระบุสิทธิประโยชน์ต่างๆ เหมือนโมเดลในต่างประเทศ นอกเหนือจากการนำเหรียญไว้ใช้ซื้อขาย หรือเทรดดิ้ง โดยเหรียญดังกล่าวอาจระบุถึงความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ เช่น ส่วนลดในการเข้าพักโรงแรม ฯลฯ ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงหรือได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น” นายเรืองโรจน์ กล่าว

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่สนใจระดมทุนผ่านแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลที่พัฒนาขึ้น สามารถติดต่อฝ่ายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ที่อีเมล์ [email protected] หรือ ติดต่อ กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ได้ที่อีเมล์ [email protected]