ร้านค้ารายย่อยแห่สมัครร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” แล้วกว่า 2.5 แสนร้านค้า คลังเตือนเปิดลงทะเบียนประชาชนทั่วไป 16 ต.ค.นี้วันแรก
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลังจากกระทรวงการคลังได้เปิดให้ผู้ประกอบการร้านค้า สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น โดยผ่านทางเว็บไซต์ คนละครึ่ง.com หรือลงทะเบียนผ่านธนาคารกรุงไทย
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
ล่าสุด มีร้านค้าเข้าร่วมโครงการรวมกว่า 2.5 แสนร้านค้าแล้ว ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการเป็นอย่างดี โดยร้านค้าอื่น ๆ ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ยังสามารถลงทะเบียนได้อย่างต่อเนื่องแบบไม่มีการจำกัดเวลา เนื่องจากรัฐต้องการให้ร้านค้ารายย่อยเข้าร่วมโครงการให้มากที่สุด เพื่อสร้างรายได้หมุนเวียนในร้านค้ารายเล็กอย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไปในตัวด้วย
“โครงการคนละครึ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับฐานราก สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย โดยเฉพาะกลุ่มหาบเร่ แผงลอย เพื่อให้มีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้น โดยภาครัฐจะร่วมจ่ายเงินค่าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไปผ่านฝ่ายของผู้ซื้อ 50% ซึ่งจะไม่เกิน 150 บาทต่อวันต่อคน หรือไม่เกิน 3,000 บาทต่อคนตลอดระยะเวลาโครงการ วงเงินรวม 3 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และช่วยเติมกำลังซื้อให้มีการใช้จ่ายหมุนเวียนไปถึงผู้ประกอบการรายย่อยได้ต่อเนื่องราว 6 หมื่นล้านบาท” นายลวรณกล่าว
สำหรับประชาชนที่จะเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เพื่อให้ได้รับสิทธิรับเงินนั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีบัตรประจำตัวประชาชน โดยสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ คนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.นี้เป็นต้นไป เริ่มเวลา 06.00 น.-23.00 น. จำกัดจำนวนไม่เกิน 10 ล้านคน เมื่อครบตามจำนวนที่จำกัดไว้แล้ว จะปิดให้ลงทะเบียนทันที
นายลวรณ กล่าวว่า ผู้ได้รับสิทธิต้องยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ก่อน จึงจะสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่ติดตั้งแอปพลิเคชั่น “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการเพื่อรับสิทธิได้ ซึ่งจะเปิดให้ใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.2563 – 31 ธ.ค. 2563 ในช่วงเวลา 06.00 น. – 23.00 น. ทุกวัน
“ผู้ได้รับสิทธิจะต้องเริ่มใช้จ่ายภายใน 14 วัน นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ได้รับข้อความแจ้งรับสิทธิ หรือวันที่เปิดให้เริ่มใช้จ่ายตามโครงการ ไม่อย่างนั้นจะถูกตัดสิทธิและไม่สามารถลงทะเบียนใหม่ได้ โดยสิทธิที่ถูกตัดจะนำไปเปิดให้ลงทะเบียนกับผู้สนใจใหม่อีกครั้ง” โฆษกกระทรวงการคลังกล่าว
