ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า จากข่าวความคืบหน้าวัคซีนโควิด-19

ดอลลาร์สหรัฐ
REUTERS/Dado Ruvic/Illustration/File Photo

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า จากข่าวความคืบหน้าวัคซีนโควิด-19 ของ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ส่งผลตลาดตอบรับ พร้อมเทขายสินทรัพย์ปลอภัยอย่างราคาทองคำออกมา  

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน 2563 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (10/11) ที่ระดับ 30.53/55 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างมาก

หลังจากบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ของสหรัฐกับบริษัทไบโอเอ็น เทคของเยอรมนีซึ่งเป็นหุ้นส่วนกันได้ประกาศว่า วัคซีนโรคโควิด-19 ของทั้งสอบริษัทนี้มีประสิทธิภาพสูงกว่า 90% ในผลการทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างจำนวนมาก ทำให้ตลาดตอบรับโดยการเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ และค่าเงินเยนเป็นจำนวนมาก แม้ว่าตลาดยังคงสงสัยผลข้างเคียงของวัคซีนที่ยังไม่ได้รับคำตอบ อย่างเช่นประสิทธิภาพของวัคซีนเมื่อแยกตามกลุ่มเชื้อชาติหรือกลุ่มอายุ และคำถามที่ว่าภูมิคุ้มกันจะอยู่ได้นานเพียงใด

นอกจากนี้ตลาดยังจับตาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีน หากนายโจ ไบเดน ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ สหรัฐและจีนจะผ่อนคลายข้อพิพาททางการค้า

Advertisment

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันนี้ยังคงปรับตัวอยู่ในกรอบ ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าตั้งแต่ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐหลังจากมีความชัดเจนว่า ผู้ที่จะเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐคือนายโจ ไบเดน ส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้ามาที่ตลาดพันธบัตรติดต่อกันหลายวัน

นอกจากนี้ค่าเงินบาทยังได้รับแรงหนุนจากข่าวดีเรื่องวัคซีนโควิด-19 เนื่องจากไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์มากที่สุด หากภาคการท่องเที่ยวและพลังงานฟื้นตัว ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 30.44-30.53 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 30.40/42 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (10/11) ที่ระดับ 1.1817/20 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดในวันจันทร์ (9/11) ที่ระดับ 1.1872/74 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงตามการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ และแม้ว่าจะมีข่าวดีเกี่ยวกับความคืบหน้าของวัคซีนโควิด-19 แต่ตลาดยังคงกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศแถบยุโรป เนื่องจากบางประเทศอาจจะมีการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ ทำให้เศรษฐกิจของยูโรโซนอาจจะฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด

ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1805-1.1843 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1824/27 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

Advertisment

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (10/11ป ที่ระดับ 105.05/07 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดในวันจันทร์ (9/11) ที่ระดับ 103.71/73 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงอย่างมากหลังจาก มีข่าวความคืบหน้าของวัคซีนรักษาโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ มีประสิทธิภาพสูงกว่า 90% ในผลการทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างจำนวนมาก ทำให้ตลาดตอบรับข่าวนี้โดยการขายสินทรัพย์ปลอดภัยและเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 104.79-105.36 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 105.18/20 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนตุลาคมจากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (10/11), ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือน ก.ย. (10/11), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย เดือนตุลาค (12/11), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (12/11), อัตราเงินเฟ้อสหรัฐ เดือนตุลาคม (12/11), ดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐ (PPI) เดือนตุลาคม (13/11), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพฤศจิกายน (13/11)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ 0.6/0.8 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -3.00/-0.50 สตางค/ดอลลาร์สหรัฐ