ตลท.งัดฟรีโฟลตคำนวณดัชนี ดีเดย์ 1ก.ค.-ส่อกระทบหุ้นดัง “AOT-DELTA-OR”

ภาพ ตลท. หุ้นไทย (SET) ตลาดหุ้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ตลาดหลักทรัพย์ฯดีเดย์ 1 ก.ค.นี้ เริ่มใช้เกณฑ์ฟรีโฟลตคำนวณดัชนี “SET50-SET100-SETHD” เปิดรับฟังความเห็นผู้เกี่ยวข้องถึง 2 เม.ย.นี้ ฟาก “บล.เอเซีย พลัส” เก็งหุ้น “BBL” ได้รับประโยชน์เงินไหลเข้ามากสุด ขณะที่ “AOT-DELTA-OR” เสี่ยงถูกลดน้ำหนักมากสุด จับตาหุ้น 5 ตัว “หลุด/ติด” โผ SET50 ทันที

ดร.รินใจ ชาครพิพัฒน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตอนนี้ ตลท.ได้เปิดรับฟังความเห็น (เฮียริ่ง) ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ทั้งบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)

และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เกี่ยวกับการปรับหลักเกณฑ์การคำนวณดัชนีใหม่ โดยเปลี่ยนมาใช้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่นำข้อมูลการกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (ฟรีโฟลต) มาร่วมพิจารณา แทนวิธีใช้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) เท่านั้น

“ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย อาจจะยังมีข้อจำกัดในการสะท้อนความสามารถในการลงทุนตามหลักเกณฑ์หุ้นลงทุนได้จริง (investable) ซึ่งหลักเกณฑ์ใหม่จะทำได้ดีมากขึ้น และจะสอดคล้องแนวทางสากลหรือตลาดหุ้นโลก และช่วยให้ดัชนีสะท้อนภาพการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรับฟังความเห็นไปจนถึงวันที่ 2 เม.ย.นี้”

Advertisment

นายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัสกล่าวว่า เกณฑ์ใหม่ของตลาดหลักทรัพย์ฯจะนำร่องปรับวิธีการคำนวณดัชนีใหม่ใน 3 ดัชนีหลักก่อน คือ SET100, SET50, SETHD ซึ่งจะเริ่มวันที่ 1 ก.ค. 2564 และทยอยใช้กับดัชนีอื่น ๆ ในปี 2565-2566 ต่อไป

ทั้งนี้ หุ้นหรือกองทุนประเภท passivefund (การลงทุนที่เน้นลงทุนให้ได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง) จะต้องปรับพอร์ตการลงทุนล้อไปกับการคำนวณดัชนีใหม่ ส่วน active fund (กองทุนเชิงรุกที่เน้นลงทุนให้สร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาด) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการมีประสิทธิภาพดีกว่าตลาด (outperform) อยู่แล้ว คงจะมีการเข้าไปเก็งกำไรหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเม็ดเงินไหลเข้าเพิ่ม

โดยหากประเมินหุ้น SET100 ที่มีฟรีโฟลตเฉลี่ย 46% พบว่า ธนาคารกรุงเทพ (BBL) มีโอกาสได้เม็ดเงินจาก passive fund เพิ่มขึ้นมากสุด เนื่องจากการจัดน้ำหนักใหม่ มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นในรอบแรกจาก 1.74% เป็น 3.69%

แสดงว่าเม็ดเงินจาก passive fund จะต้องไหลเข้าหุ้น BBL เพิ่มขึ้นกว่า 56% ในรอบแรกกลางปีนี้ และทั้งปีนี้จะไหลเข้าเพิ่มขึ้น 113% ส่วนหุ้นที่คาดว่าได้รับผลกระทบมากสุด คือ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) สาเหตุจากฟรีโฟลตน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด หรือมีสัดส่วนแค่ 30%

Advertisment

โดยถูกลดน้ำหนักในรอบแรกจาก 7.07% เหลือ 4.57% ต่อมา บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA) จะถูกลดน้ำหนักจาก 2.89% เหลือ 1.39% และ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ถูกลดน้ำหนักจาก 2.78% เหลือ 1.47%

“ยังมีหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 ทันที หลังจากปรับคำนวณดัชนีใหม่ คือ บมจ.บ้านปู (BANPU), ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP), บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE), บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) และ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC)

และหุ้นที่คาดหลุด SET50 ทันที คือ บมจ.วีจีไอ (VGI), บมจ.ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) (TOA), บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL), บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) และ บมจ.คอมเซเว่น (COM7)”