ธปท. ประเมินโควิด-19 ระลอก 3 ทำสมมติฐาน 3 กรณี คาดฉีดเร็วหนุนจีดีพีโต 3.0-5.7%
วันที่ 14 พฤษภาคม 2564 นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในเรื่อง “ส่องเศรษฐกิจ ฝ่าวิกฤตโควิด ด้วยวัคซีน” ระบุว่า การฉีดวัคซีนและการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยไทยออกจากวิกฤตด้านสาธารณสุขและการเปิดประเทศ โดยหากฉีดวัคซีนได้เร็วจะช่วยหนุนการเติบโตจีดีพีในปี 2564-2565 ขยายตัว 3.0-5.7%
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
ซึ่ง ธปท.ได้ทำสมมติฐานไว้ 3 กรณี ได้แก่ 1 สามารถจัดหาและกระจายวัคซีนได้ 100 ล้านโดสในปี 2564 และเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 จะช่วยเศรษฐกิจในปีนี้ขยายตัว 2% นักท่องเที่ยว 1.2 ล้านคน และปีหน้าจีดีพี 4.7% นักท่องเที่ยว 15 ล้านคน
กรณี 2 คือ จัดหาและกระจายวัคซีนได้ 64.6 ล้านโดสในปี 2564 และเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 จะช่วยให้จีดีพีปีนี้ขยายตัว 1.5% จำนวนนักท่องเที่ยว 1 ล้านคน และจีดีพีปีหน้าอยู่ที่ 2.8% นักท่องเที่ยวอยู่ที่ 12 ล้านคน โดยกรณีมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจหลังภูมิคุ้มกันหมู่ล่าช้าไม่ทันไตรมาส 1 ปี 2565 สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจอยู่ที่ 4.6 แสนล้านบาท หรือ -3.0% ของจีดีพี
และกรณีที่ 3 จัดหาหรือกระจายวัคซีนน้อยกว่า 64.6 ล้านโดสในปี 2564 และเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 จะสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจ 8.9 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น -5.7% ของจีดีพี โดยมองว่าการเติบโตเศรษฐกิจปีนี้จะอยู่ที่ 1% จำนวนนักท่องเที่ยวเหลือ 8 แสนคน และปีหน้าขยายตัว 1.1% นักท่องเที่ยว 8 ล้านคน
“เราได้ประเมินผลกระทบการระบาดของโควิดที่มีต่อเศรษฐกิจตลอดเวลา แต่การประเมินรอบนี้ยังไม่ใช่จีดีพีจริง แต่ทำภายใต้สมมติฐานต่าง ๆ โดยหากเราต้องการให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ จะอยู่ที่ความเร็วของวัคซีนไม่ใช่ยี่ห้อของวัคซีน” นางสาวชญาวดีกล่าว