โบรกฯคาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวลงในกรอบ 1,595-1,620 จุด กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย

หุ้นไทย
ภาพ pixabay

บล.ฟิลลิปประเมินหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงในกรอบ 1,595-1,620 จุด ปัจจัยต่างประเทศฉุดนักลงทุนกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ กทม. ผ่อนคลาย 8 กิจกรรม แต่ความคืบหน้าวัคซีนยังไม่หนุนเปิดประเทศได้ใน 120 วัน

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวไซด์เวย์อิงทางลงระหว่าง 1,595-1,620 จุด โดยได้รับ Sentiment (บรรยากาศ) เชิงลบจากบรรยากาศการลงทุนภายนอกประเทศ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีความกังวลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจยังเร็วเกินไป และอาจกระทบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ขณะที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ผ่อนคลาย “8 กิจการ-กิจกรรม” ประกอบไปด้วย 1) นั่งทานในร้านอาหารได้ไม่เกินเวลา 23.00 น. แต่ห้ามการบริโภคสุราภายในร้าน และ 2) ร้านสะดวกซื้อเปิดได้ตามเวลาปกติของสถานที่

รวมถึงประกาศนัดคิวฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับผู้ที่ถูกเลื่อนในระบบ “ไทยร่วมใจ” จากวันที่ 15-18 มิ.ย. เป็น 22-25 มิ.ย. ส่วนผู้ที่มีคิวตั้งแต่ 19 มิ.ย.เป็นต้นไป ต้องติดตามคิวนัดการฉีดวัคซีนใหม่อีกครั้ง พร้อมกันนี้ยังเผยว่ารอบนี้ได้รับการจัดสรรวัคซีนมาแล้วเพียง 1 แสนโดส ซึ่งมองว่าจำนวนดังกล่าวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ตัวเลขการฉีดวัคซีนรายวันทั่วประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

เพราะหากพิจารณาที่จำนวนการฉีดวัคซีนรายวันพบว่ายอดฉีดวัคซีน 19 มิ.ย. อยู่ที่เพียง 104,095 โดสเท่านั้น ด้วยความเร็วในการฉีดระดับนี้ ความหวังที่จะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่และการที่จะเปิดประเทศภายใน 120 วัน หรือช่วงเดือน ต.ค.นี้ ตามความตั้งใจของนายกรัฐมนตรี ก็ยังดูจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ยาก

อย่างไรก็ตาม วานนี้ (20 มิ.ย.) วัคซีน “ซิโนฟาร์ม” ชุดแรกจำนวน 1 ล้านโดสมาถึงไทย ตามที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้คาดการณ์ไว้ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณภาพจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งหากอ้างอิงตามกำหนดการเดิมที่รองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เคยเปิดเผยไว้ก่อนหน้านี้ ในวันที่ 25 มิ.ย. ก็จะสามารถเริ่มฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มเข็มแรกพร้อมกันทั่วประเทศ และในเดือน ก.ค.นี้ยังมีกำหนดการที่จะนำวัคซีน “ซิโนฟาร์ม” เข้ามาอีก 2 ชุด ชุดละ 1 ล้านโดส เพื่อให้เพียงพอต่อความประสงค์ที่มีผู้ลงทะเบียนมาจำนวนราว 4.87 ล้านคน

ส่วนปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ 1) การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ไทย ซึ่งทางฝ่ายคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม แต่น่าติดตามการปรับประมาณ GDP ไทยปีนี้หลังไทยเริ่มแผนการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ และ 2) ตัวเลขนำเข้า-ส่งออกของไทยเดือน พ.ค.