หุ้นไทยชะลอร้อนแรง แต่อยู่ในกรอบขาขึ้น-“Thailand Focus” ดึงเชื่อมั่นต่างชาติ

หุ้นเด่น
ภาพโดย Gerd Altmann จาก Pixabay

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตามตลาดภูมิภาค คาดดัชนี SET Index แกว่งตัวในกรอบระหว่าง 1,580-1,600 จุด โดยการย่อจากการขายทำกำไร หากไม่หลุดแนวรับ 1,580 จุด จะพลิกกลับมาขึ้นต่อได้-ตามติด Thailand Focus 2021 คาดช่วยดึงนักลงทุน “ต่างชาติ-สถาบัน” กลับมาในไทยอีกครั้ง ด้านผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศหากแนวโน้มยังดีต่อเนื่อง ดัชนี SET มีโอกาสทะลุ 1600 จุดได้

วันที่ 25 สิงหาคม 2564 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า ดัชนี SET Index ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตามตลาดภูมิภาคและได้ปัจจัยภายในประเทศช่วยหนุน แต่การดีดตัวสูงสุดเกือบ 50 จุดภายใน 2 วันทำการ ย่อมมีแรงขายทำกำไรสลับออกมากดดัน จึงคาดว่าวันนี้ SET Index น่าจะแกว่งตัวในกรอบระหว่าง 1,580-1,600 จุด โดยการย่อจากการขายทำกำไร หากไม่หลุดแนวรับ 1,580 จุด จะพลิกกลับมาขึ้นต่อได้

วันนี้ติดตามงาน Thailand Focus 2021 ที่คาดจะช่วยดึงความมั่นใจให้นักลงทุนต่างชาติและสถาบันกลับมาลงทุนในประเทศไทยอีกครั้ง ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศหากแนวโน้มยังดีต่อเนื่อง SET Index มีโอกาสทะลุ 1,600 จุดได้

ส่วนท้ายสัปดาห์ติดตามการประชุมใหญ่ของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่เมือง Jackson Hole เพื่อจับสัญญาณการทำ QE Tapering กลยุทธ์การลงทุนยังคงให้ “ทยอยซื้อสะสม” หุ้นกลุ่มเปิดเมือง ส่วนหุ้นกลุ่มส่งออกระวังเรื่อง ทิศทางค่าเงินบาทที่พลิกมาแข็งค่าระยะสั้นจาก Fund Flow ที่ไหลเข้าและการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ควรรอซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงไปบริเวณแนวรับสำคัญ

ทั้งนี้ ภายหลังการอนุมัติใช้งานเต็มรูปแบบของวัคซีนต้านไวรัส COVID-19 ของบริษัท Pfizer-BioNTech วานนี้ นพ.แอนโทนี เฟาซี แพทย์ใหญ่ที่ปรึกษาทำเนียบขาวในการรับมือสถานการณ์ COVID-19 คาดว่าในไม่กี่สัปดาห์ ข้างหน้าวัคซีนของ Moderna และ Johnson&Johnson ก็น่าจะได้รับการอนุมัติใช้งานเต็มรูปแบบเช่นเดียวกัน จากองค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการเข้ารับวัคซีนและจะทำให้รับมือกับสายพันธุ์เดลต้าได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ยังหนุน Sentiment ในประเทศไทยทางอ้อมเนื่องจากการรอนุมัติใช้งานเต็มรูปแบบจากฝั่งสหรัฐจะช่วยให้ขั้นตอนการนำเข้าวัคซีน คล่องตัวมากขึ้น หนุนการฉีดวัดซีนเข็มที่ 3 ในประเทศไทยหลังจากรัฐบาลเผยว่า AstraZeneca จะส่งมอบวัคซีนทั้งหมด 61 ล้านโดสให้ไทยครบในสิ้นปีนี้ โดยเป้าหมายหลักคือการกระจายวัคซีนไปยังต่างจังหวัด ภาคการผลิตและการท่องเที่ยว เพื่อรองรับการเปิดเมืองที่คาดว่าอย่างเร็วคือช่วงเดือน ต.ค. 64 หลังการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ในเดือน ก.ย. 64

ด้านสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เผยว่า Moody’s ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของไทยไว้ที่ระดับ Baa1 หรือเทียบเท่า BBB+ ไว้ตามเดิม ขณะที่มุมมองข้างหน้ายังมีเสถียรภาพ (Stable) เนื่องจากไทยมีธุรกิจหลากหลาย โดยเฉพาะภาคการผลิตยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ การท่องเที่ยวและเกษตรกรรม พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงทางเศรษฐกิจ

ขณะที่ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง หนี้ต่างประเทศมีสัดส่วนน้อย ความสามารถในการชำระหนี้สูง ดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลและทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง แต่ต้องระวังปัจจัยการเมืองทำให้ขาดความต่อเนื่องในนโยบายและการชะลอตัวของการลงทุนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ