เริ่มแล้ว ! คลังเติมเงินมาตรการลดภาระค่าครองชีพ

คลัง

คลังเพิ่มวงเงินสนับสนุนมาตรการลดภาระค่าครองชีพ และฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด ชี้ที่ผ่านยอดใช้จ่ายทะลุ 1.3 แสนล้านบาท

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 นายพรชัย  ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง  เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2564 กระทรวงการคลังได้เพิ่มวงเงินสนับสนุนมาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบ COVID-19 จำนวน 4 โครงการ โดยมีรายละเอียดดังนี้

1.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่ 3 เพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านธงฟ้าฯ) และค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 เพิ่มเติม จำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือนเป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม 2564 (รวมเพิ่มวงเงิน 600 บาทต่อคน) ทำให้มีวงเงินค่าซื้อสินค้าหรือบริการในโครงการเพิ่มขึ้นจากเดิม200 บาท เป็น 500 บาทต่อคนต่อเดือน ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม 2564

2.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าฯ และค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 เพิ่มเติม จำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม 2564 (รวมเพิ่มวงเงิน 600 บาทต่อคน) ทำให้มีวงเงินค่าซื้อสินค้าหรือบริการในโครงการเพิ่มขึ้นจากเดิม 200 บาทเป็น 500 บาทต่อคนต่อเดือนในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม 2564

3.โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3  เพิ่มเติมวงเงินสนับสนุนรัฐร่วมจ่าย รอบที่ 3 จำนวน 1,500 บาทต่อคน ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 (โดยนำไปรวมกับวงเงินคงเหลือจากรอบที่ 1 และ2 ของโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 โดยอัตโนมัติ) รวมเป็นวงเงินสิทธิที่ได้รับจำนวนทั้งสิ้น 4,500 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ

4.โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ เพิ่มวงเงินสนับสนุนบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Voucher) ของรัฐ จำนวน 3,000 บาทต่อคน รวมเป็นวงเงินที่ได้รับสิทธิ e-Voucher ทั้งสิ้นไม่เกิน 10,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ โดยมีผลกับวงเงินใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณสิทธิ e-Voucher ตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 โดยมีรายละเอียดดังนี้

4.1 สำหรับผู้ได้รับสิทธิที่มียอดใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณสิทธิe-Voucher ไม่เกิน 60,000 บาท ณวันที่ 31 ตุลาคม 2564 จะนำยอดใช้จ่ายมาคำนวณสิทธิ e-Voucher ได้ดังนี้ (1) ยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 1 – 40,000 บาทแรก ได้รับ e-Voucher ร้อยละ 10 ของยอดใช้จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,000 บาทต่อคน (2) ยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 40,001 – 80,000 บาทได้รับ e-Voucher ร้อยละ 15 ของยอดใช้จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 6,000 บาทต่อคน

4.2  สำหรับผู้ได้รับสิทธิที่มียอดใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณสิทธิ e-Voucher เต็มจำนวน 60,000 บาท วันที่ 31 ตุลาคม 2564 ซึ่งมีสิทธิได้รับ e-Voucher จำนวน 7,000 บาทเรียบร้อยแล้วจะมีสิทธิได้รับ e-Voucher เพิ่มเติมหากมีการใช้จ่ายเพิ่มเติมจำนวนไม่เกิน 20,000 บาทในระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 จะได้รับสิทธิ e-Voucher ร้อยละ 15 ของยอดใช้จ่ายเพิ่มเติมดังกล่าวแต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน

ทั้งนี้ จากข้อมูล วันที่ 31 ตุลาคม 2564 มีผู้ใช้สิทธิสะสมทั้ง 4 โครงการรวม 40.53 ล้านราย ยอดใช้จ่ายสะสมทั้งหมด 133,694.7 ล้านบาท โดยสรุปผลการใช้จ่ายได้ ดังนี้

1.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตร ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 13.54 ล้านราย มียอดการใช้จ่ายสะสมรวม10,662.1 ล้านบาท

2.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือฯ มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 1.27 ล้านราย มียอดการใช้จ่ายสะสมรวม 799.4 ล้านบาท

3.โครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 25.63 ล้านราย จากผู้ได้รับสิทธิ 27.88 ล้านราย โดยมียอดการใช้จ่ายสะสมรวม 119,192.2 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินที่ประชาชนจ่ายสะสม 60,600.7 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 58,591.5 ล้านบาท

4. โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 86,426 ราย จากผู้ได้รับสิทธิกว่า 4.8 แสนราย โดยเป็นยอดการใช้จ่ายส่วนประชาชนสะสม 2,891 ล้านบาท และยอดใช้จ่ายส่วน e-Voucher สะสม 150 ล้านบาท

ประชาชนสามารถใช้จ่ายในโครงการต่าง ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ทั้งนี้ สำหรับโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หรือผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชั่นเป๋าตังจนกว่าจะครบ1 ล้านสิทธิ ซึ่งยังมีสิทธิคงเหลือกว่า 5 แสนสิทธิ