ดัชนี SET Index สัปดาห์หน้าแกว่งตัวออกข้างในกรอบระหว่าง 1,600-1,650 จุด บล.ฟิลลิป มองตลาดตอบรับเชิงบวกต่อการเปิดประเทศ แต่ยังต้องระวังความเสี่ยงทางลง “ราคาน้ำมันดิบโลก-ดัชนี MSCI Rebalance” กลยุทธ์ลงทุนเน้นเก็งกำไรในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2564 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (8-12 พ.ย.64) ว่า คาดดัชนี SET Index แกว่งตัวออกข้างในกรอบระหว่าง 1,600-1,650 จุด มองว่าตลาดตอบรับเชิงบวกต่อการเปิดประเทศ แต่ยังต้องระวังเรื่องราคาน้ำมันดิบโลกและ MSCI Rebalance กลยุทธ์ลงทุนเน้นเก็งกำไรในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
- Apple เปิดตัว iPad Air-Pro รุ่นใหม่ 7 พฤษภาคมนี้
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
สำหรับการเปิดประเทศแล้วเรา 1 สัปดาห์ มีสิ่งที่น่าติดตามต่อ ได้แก่ 1.จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ในเบื้องต้นทางฝ่ายวิจัยเชื่อว่าจำนวนผู้ติดเชื้อที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะยังไม่เร่งตัวขึ้นในเร็ววันนี้ เนื่องจากต้องรอดูอีกราว 1 สัปดาห์จึงจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นและ 2.ความมั่นใจของประชาชนต่อการเปิดประเทศหลังที่พักโรงแรมภายในประเทศเริ่มทยอยเต็ม
ทั้งนี้ระยะสั้นราคาน้ำมันอาจเสี่ยงทางลง เหตุผลหลัก ๆ มาจาก 1.ความเสี่ยงที่อิหร่านอาจกลับมาส่งออกน้ำมันได้อีกครั้ง หากสหรัฐยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่านในการส่งออกน้ำมัน โดยรัฐบาลอิหร่านเปิดเผยว่าจะกลับมาเข้าร่วมการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ภายในสิ้นเดือน พ.ย.นี้
และ 2. มีแหล่งข่าวรายงานว่ากำลังการผลิตน้ำมันดิบของซาอุฯ อาจปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินระดับ 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเร็ว ๆ นี้ ส่งผลให้ราคาสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ในวันศุกร์ปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบ Brent ก็มีแนวโน้มจะลดระดับ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเช่นกัน
ขณะที่ประเด็น MSCI Rebalance เบื้องต้นตลาดเชื่อว่า จะประกาศรายชื่อหุ้นเข้าออกภายในวันที่ 11 พ.ย.นี้ ซึ่งจะมีผล ณ ราคาปิดของวันที่ 30 พ.ย.64 โดยตลาดคาดว่าหุ้นที่เสี่ยงถูกปรับออกจากดัชนี ได้แก่ BAM, RATCH ซึ่งอาจต้องเผชิญกับแรงขายราว 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 51 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตามลำดับ) ส่วนหุ้น ที่คาดว่าจะเข้าใหม่ ได้แก่ TTB, GLOBAL, KCE, TIDLOR
ประเด็นสำคัญอื่นที่น่าติดตามคือ 1.ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) วัน 10 พ.ย.นี้ เบื้องต้นทางฝ่ายวิจัยคาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามเดิม แต่น่าติดตามคาดการณ์เศรษฐกิจไทย หลังเริ่มเปิดประเทศไปเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา และ 2. ตามต่อการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/64 ของบริษัทจดทะเบียนไทย
แนะนำหุ้นเด่น CENTEL รับบรรยากาศการท่องเที่ยวปลายปี หลังโรงแรมที่พักหลายจังหวัดเริ่มเต็ม ประกอบกับธุรกิจอาหารได้ประโยชน์จากการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้ม ทางฝ่ายวิจัยจึงเชื่อว่าไตรมาส 4 ผลการดำเนินงานจะฟื้นตัว
TTB เป็นหนึ่งในหุ้นที่ตลาดคาดว่าจะถูกปรับเข้าดัชนี MSCI และราคาน้ำมันยัง Laggard จากหุ้นอื่นๆ ในกลุ่ม BANK
