ทิพยประกันภัย 9 เดือนกำไร 1,624 ล้าน “ซีอีโอ” เผยคุมจ่ายเคลมโควิดได้

ทิพยประกันภัย

ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์(TIPH) บริษัทแม่ทิพยประกันภัย รายงานผลประกอบการ 9 เดือนแรกปีนี้ มีกำไรสุทธิ 1,624.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.91% เฉพาะกำไรไตรมาส 3 ทำได้ 382.05 ล้านบาท ลดลงกว่า 31.46% เป็นผลจากค่าใช้จ่ายจัดการค่าสินไหมทดแทนเพิ่มขึ้นจากกรมธรรม์ประกันภัยโควิด ด้าน “ซีอีโอ” ย้ำ บริษัทอยู่ในสถานะควบคุมเคลมโควิดได้ เพราะไม่เคยขายเจอจ่ายจบ

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 นายสมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปีนี้(ม.ค.-ก.ย.2564) ว่า ทิพยกรุ๊ปโฮลดิ้งส์มีผลการดำเนินงานขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 โดยสามารถทำกำไรสุทธิรวม 1,624.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.91% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 2.71 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 2.68 บาท แต่สำหรับงวดไตรมาส 3/64 บริษัทมีกำไรสุทธิ 382.05 ล้านบาท ลดลง 31.46% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน

โดยไตรมาส 3 บริษัทมีรายได้รวมของบริษัท 3,370.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.88% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยบริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 6,059.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.07% โดยมีการเพิ่มขึ้นของเบี้ยประกันภัยรับในทุกผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย 1.เบี้ยประกันอัคคีภัย เติบโต 5.93% 2.เบี้ยประกันทางทะเลและขนส่ง เติบโต 18.47% 3.เบี้ยประกันรถยนต์ เติบโต 30.67% 4.เบี้ยประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล เติบโต 4.50% และ 5.เบี้ยประกันเบ็ดเตล็ด เติบโต 36.65%

อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 3 นี้บริษัทมีกำไรจากการรับประกัน 577.59 ล้านบาท ลดลง 41.46% โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของค่าสินไหมทดแทน และค่าใช้จ่ายในการจัดการค่าสินไหมทดแทนสุทธิจากกรมธรรม์ประกันภัยโควิด ทั้งนี้หากไม่รวมผลกระทบจากกรมธรรม์ประกันภัยโควิด กำไรจากการรับประกันภัยของบริษัทจะเพิ่มขึ้นคิดเป็น 28.88%

นอกจากนี้ค่าสินไหมจากกรมธรรม์ประกันภัยโควิดในปัจจุบัน บริษัทประเมินว่าอยู่ในสถานะที่บริษัทควบคุมได้ เนื่องจากกรมธรรม์ที่บริษัทขายอยู่ให้ความคุ้มครองเฉพาะการเจ็บป่วยด้วยภาวะโคม่าเท่านั้น และบริษัทไม่เคยขายกรมธรรม์ประกันโควิดแบบเจอจ่ายจบ

โดยในไตรมาส 3 บริษัทมีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 210.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.01% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากบริษัทได้จัดสรรเงินลงทุนเพิ่มเติมไปในหุ้นและกองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและได้ประโยชน์จากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิดที่มีแนวโน้มดีขึ้น รวมทั้งมีการจ่ายปันผลในระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ

ทั้งนี้แม้ว่ารายได้และการดำเนินการของบริษัท ทั้งในส่วนของเบี้ยประกันภัยรับ และรายได้จากการลงทถนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่เนื่องจากผลกระทบจากค่าสินไหมทดแทนของกรมธรรม์ประกันภัยโควิด ส่งผลให้บริษัทมีกำไรไตรมาส 3 ลดลง

นายสมพร กล่าวต่อว่า แผนการดำเนินงานในอนาคตของ TIPH นั้น นอกจากการผลักดันให้บริษัทมีการขยายตัวของเบี้ยประกันภัยรับอย่างต่อเนื่องแล้ว บริษัทมีแผนการขยายธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้จนถึงปี 2565 ในการศึกษาแนวทางในการเข้าซื้อกิจการของบริษัทที่ประกอบธุรกิจสนับสนุนธุรกิจประกันภัย 2-3 ธุรกิจ โดยตั้งเป้าไปที่บริษัทที่ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันภัย และบริษัทที่ประกอบธุรกิจสำรวจภัยและจัดการสินไหม

รวมทั้งการศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้งบริษัทประกันภัยใหม่ หรือการเข้าซื้อกิจการที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัย เพื่อรองรับการขยายธุรกิจประกันภัยที่มีศักยภาพ เช่น Digital Insurance รวมถึงการ Spin Off หน่วยธุรกิจออกเป็นบริษัทใหม่

ทั้งนี้สำหรับการลงทุนในธุรกิจสนับสนุนประกันภัย ล่าสุดคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้จัดตั้งบริษัท ทิพย ไอเอสบี จำกัด (TIP ISB) เพื่อเป็นบริษัทเรือธง(Flagship Company) สำหรับลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่สนับสนุนธุรกิจประกันภัย (Insurance Supported Business)

“เรายังคงยืนยันเป้าหมายในการเดินหน้าขึ้นสู่การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงธุรกิจประกันภัยไปสู่มิติใหม่ ขยายขอบข่ายการดำเนินธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้หลากหลาย” นายสมพร กล่าว