
กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 33.00-33.50 บาทต่อดอลลาร์ จับตาข้อมูลเศรษฐกิจจีน คาดแรงขายดอลลาร์ช่วงนี้สะท้อน “การปรับสถานะ-ปัจจัยทางด้านเทคนิค” เป็นสำคัญ ประเมินท่าทีผู้ว่าแบงก์ชาติคงดอกเบี้ยต่ำตลอดปี
วันที่ 17 มกราคม 2565 กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ (17-21 ม.ค.) ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.00-33.50 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 33.21 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 33.14-33.74 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- EV จีน ทุบราคาเลือดสาด ฉางอาน-กว่างโจวท้ารบ BYD เกทับลดอีกแสน
- เช็กเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท เข้าบัญชีวันนี้ 5 จังหวัด
- รู้จัก น้ำมัน EURO 5 เริ่มใช้ 1 ม.ค. 67 มีผลกับค่าการตลาดน้ำมันอย่างไร
โดยดัชนีดอลลาร์แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ขณะที่ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และข้อมูลเงินเฟ้อสอดคล้องกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ของตลาดที่ว่าเฟดมีแนวโน้มจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งในปีนี้ ค่าเงินดอลลาร์จึงขาดปัจจัยหนุนใหม่ ๆ
ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนธันวาคมของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 7.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 40 ปี ทางด้านดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธันวาคมของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน ส่งผลให้นักลงทุนคาดว่าปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานอาจเริ่มคลายตัวลงและอัตราเงินเฟ้ออาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
ขณะที่ท้ายสัปดาห์สหรัฐฯรายงานยอดค้าปลีกเดือนธันวาคมลดลงเกินคาด แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 5,278 ล้านบาท และ 27,041 ล้านบาท ตามลำดับ
โดยกลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดจะให้ความสนใจกับข้อมูลเศรษฐกิจจีน ซึ่งรวมถึงจีดีพีไตรมาส 4/64 การผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกเดือนธันวาคม เพื่อประเมินสัญญาณการชะลอตัวและโมเมนตัมต่อเนื่องในช่วงต้นปีนี้ นอกจากนี้ คาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับติดลบ 0.1% ตามเดิมหลังการประชุมวันที่ 18 มกราคม อย่างไรก็ตาม บีโอเจอาจปรับเพิ่มประมาณการเงินเฟ้อตามราคาพลังงานในตลาดโลกที่สูงขึ้น
อนึ่ง กรุงศรีคาดว่าแรงขายดอลลาร์ในช่วงนี้สะท้อนการปรับสถานะการลงทุนและปัจจัยทางด้านเทคนิคเป็นสำคัญ อีกทั้งตลาดไม่แน่ใจว่าในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าเฟดจะสามารถขึ้นดอกเบี้ยไปสู่จุดสูงสุดของวัฏจักรนี้ที่ 2.5% ตามที่เฟดเคยประมาณการไว้ได้หรือไม่
สำหรับปัจจัยในประเทศ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ยังเปราะบาง โดยคาดว่าการระบาดของสายพันธุ์ Omicron จะกระทบจีดีพีราว 0.3% ขณะที่เศรษฐกิจจะกลับไปสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดในไตรมาส 1/66 ขณะที่ธปท.ไม่กังวลกับเงินเฟ้อในประเทศ
ส่วนการปรับขึ้นดอกเบี้ยและการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟดรวมถึงธนาคารกลางชั้นนำของโลกจะมีผลต่อตลาดการเงิน แต่ผลต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวมจะค่อนข้างจำกัด ท่าทีดังกล่าวสนับสนุนมุมมองของกรุงศรีที่ว่าดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะถูกตรึงไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ตลอดปีนี้