ประกันเจอจ่ายจบ ออกมาได้อย่างไร

คอลัมน์ : คุยฟุ้งเรื่องการเงิน
ผู้เขียน : อาจารย์ทอมมี่ (พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน) บริษัท Actuarialbiz (ABS) จำกัด

ปกติแล้ว ก่อนที่บริษัทประกันจะตัดสินใจเอาสินค้าประกันภัยออกมาขายนั้น จะมีป้อมปราการบริหารความเสี่ยงรองรับไว้อยู่ โดยแต่ละบริษัทอาจจะมีป้อมปราการที่มากหรือน้อยแตกต่างกันไป เรามาดูกันว่าบนหลักการแล้วจะมีป้อมปราการอะไรบ้าง

ปราการบริหารความเสี่ยงที่ 1-ออกแบบประกันให้ตัวผลประโยชน์แต่ละชนิดมีการกระจายความเสี่ยงที่มีสัดส่วนที่พอเหมาะ เช่น บางบริษัทจะขายประกันโควิด พ่วงกับประกันอุบัติเหตุหรือประกันโรคร้ายแรงไปด้วย หรือออกแบบที่มีทุนประกันเจอจ่ายจบในสัดส่วนที่ไม่สูงจนเกินไป

ปราการบริหารความเสี่ยงที่ 2-ประเมินสมมุติฐานและปัจจัยเสี่ยงในอนาคตต่าง ๆ ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในระยะเวลาที่ทำการคุ้มครอง คอยระวังว่าสถิติบางอย่างก็ไม่สามารถเอามาใช้กับสถานการณ์ในอนาคตได้ เช่น วิวัฒนาการของไวรัส วัคซีน ยา ความเพียงพอของเตียงในโรงพยาบาล หรือแม้แต่นโยบายของภาครัฐจากการให้กักตัวหรือล็อกดาวน์ เป็นต้น

ปราการบริหารความเสี่ยงที่ 3-พิจารณารับประกัน ไม่ให้ทุนประกันสูงเกินกว่าค่าความเสียหายที่จะได้รับ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการจูงใจให้คนไปเจาะจงทำตัวเองให้เสียหายเพื่อเอากำไร ซึ่งจะผิดหลักการประกันภัยได้ ทั้งนี้ ควรพิจารณาถึงการที่ไม่ให้ทุนประกันสูงเกินกว่ารายได้ที่จะได้รับจนเกินไป เช่น ทุนประกัน 1 แสน แต่เงินเดือน 1 หมื่น เป็นต้น

ปราการบริหารความเสี่ยงที่ 4-บริษัทประกันก็เหมือนการขายปลีกให้คนทั่วไป ส่วนบริษัทประกันภัยต่อก็เหมือนกับรับซื้อประกันต่อจากบริษัทประกันอีกทีหนึ่ง เหมือนการขายส่ง บริษัทประกันที่เป็นเหมือนร้านขายปลีกจึงต้องมีกลยุทธ์ในการประกันภัยต่อที่จะเป็นตัวชี้เป็นชี้ตายในการบริหารความเสี่ยงของบริษัทประกัน เช่น สถานการณ์โควิดในระยะหลังนั้น บริษัทประกันภัยต่อส่วนใหญ่จะไม่เอาด้วย เพราะเป็นความเสี่ยงที่ประเมินไม่ได้ แต่ถ้าบางบริษัทประกันอยากไปต่อ ก็อาจจะแบกรับความเสี่ยงไว้อยู่ฝ่ายเดียว เป็นต้น

ปราการบริหารความเสี่ยงที่ 5-วางแผนการขายและไม่ขายเกินตัว เช่น ในช่วงปี 2551 ที่อเมริกาจุดประกายให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นทั่วโลก ซึ่งมีการขายจนเกินตัว และเมื่อมีบางตัวแปรที่เปลี่ยนไป ก็เกิดความเสียหายแบบลูกโซ่ขึ้น บริษัทประกันก็เช่นเดียวกัน ที่จำเป็นที่ต้องมีการจำลองสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้รู้ลิมิตของตัวเอง แบบที่ธนาคารทำกันทั่วไป เป็นต้น ทั้งนี้ ในการซื้อขายผ่านออนไลน์นั้น มีโอกาสสูงที่ทุกคนพร้อมใจกันซื้อในระยะเวลาสั้น ๆ และบริษัทไม่ได้ตั้งกลไกในการรองรับการหยุดรับเอาไว้ ทำให้ขายเกินตัวไปโดยที่ไม่ได้ตั้งใจก็เป็นได้

ปราการบริหารความเสี่ยงที่ 6-การบริหารและดูแลช่องทางการจัดจำหน่ายให้บริหารความคาดหวังของผู้เอาประกัน เช่น ให้กรอกใบสมัครตามความเป็นจริง สื่อสารทำความเข้าใจ รวมถึงบริหารความคาดหวังของผู้ซื้อผ่านช่องทางการเสนอขายของบริษัท โดยเฉพาะในโลกยุคดิจิทัลที่ลูกค้าสามารถสมัครซื้อผ่านทางออนไลน์ได้ ทำให้บริษัทต้องเปลี่ยนไป
บริหารผ่านระบบออนไลน์ในการบริหารความคาดหวังของผู้ซื้อไปด้วย

ปราการบริหารความเสี่ยงที่ 7-ความสามารถในการปรับเปลี่ยนเบี้ยประกัน การต่ออายุกรมธรรม์ หรือสิทธิในการยกเลิกกรมธรรม์ของแบบประกันในบางกรณี ที่เหมือนเซฟทีคัต เวลาไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ การสื่อสารทำความเข้าใจในตัวกรมธรรม์ประกันภัยก็เป็นสิ่งจำเป็นที่บริษัทประกันใช้บริหารความคาดหวังของผู้บริโภค สร้างความน่าเชื่อถือ และเป็นธรรมกันทั้งสองฝ่าย

ในมุมของหลักวิชาการแล้ว นักคณิตศาสตร์ประกันภัยก็เปรียบเหมือนต้นหนของบริษัทประกัน คอยประเมินความเสี่ยงไปข้างหน้า และให้คำแนะนำกัปตันเรือ ในการตัดสินใจว่าจะไปทางไหน ซึ่งในฝั่งของประกันชีวิตนั้นเป็นข้อบังคับที่จะต้องให้นักคณิตศาสตร์ประกันภัยเซ็นรับรองแบบประกันและรับผิดชอบประเมินความเสี่ยงตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัยก่อนที่จะออกขาย (เหมือนวิศวโยธาที่ต้องเซ็นแบบตึกก่อนที่จะอนุมัติสร้างได้) เพราะสัญญาประกันชีวิตถูกมองว่าเป็นสัญญาระยะยาว

ส่วนในฝั่งประกันวินาศภัยนั้นอาจมีคนมองว่าเป็นการประกันแบบระยะสั้น (ถ้าเบี้ยประกันไม่พอก็จะเพิ่มเบี้ยในปีถัดไปได้) ทำให้บทบาทที่ผ่านมาของนักคณิตศาสตร์ประกันภัยในฟากประกันวินาศภัยถูกเน้นอยู่ที่การตั้งเงินสำรองเพียงอย่างเดียว

แต่หลังจากนี้เราน่าจะได้เห็นบทบาทของนักคณิตศาสตร์ประกันภัยที่ไปเป็นฟันเฟืองให้กับฝั่งประกันวินาศภัยกันได้มากขึ้น เพราะเรือที่มีต้นหนจะเป็นเรือที่มองเห็นหินโสโครก พายุกระแสน้ำวน เพื่อที่จะวางแผนเส้นทางการเดินเรือที่พาทุกคนทั้งระบบไปถึงจุดมุ่งหมายด้วยกันอย่างมั่นใจและปลอดภัย