คลังเผยเดือน มกราคม 2565 การบริโภคลดลง หลังกังวลโอมิครอนระบาด

เศรษฐกิจ
Photo by Jack TAYLOR / AFP

คลังเผยภาวะเศรษฐกิจประจำเดือน ม.ค. 65 ชี้ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนภาคเอกชน-ท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น ต่างชาติเข้าไทยกว่า 1.33 แสนคน ส่วนการบริโภคภาคเอกชนชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า หลังกังวลโควิดระบาด

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกินการคลัง (สศค.) เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนมกราคม 2565 ว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนมกราคม 2565 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนภาคเอกชน และภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น

ทั้งนักท่องเที่ยวต่างประเทศและในประเทศ ขณะที่การบริโภค ภาคเอกชนมีสัญญาณชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากมีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยมีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้

ในด้านเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ชะลอลง
เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ในเดือนมกราคม 2565 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 17.4 แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ -9.3 ขณะที่การบริโภคสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ7.2 แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ -9.9

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 44.8 จากระดับ 46.2 ในเดือนธันวาคม 2564 เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์ Omicron ที่เริ่มมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง ในเดือนมกราคม 2565 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่ร้อยละ 45.1 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลขยายตัวร้อยละ 14.3 และรายได้เกษตรกรที่แท้จริง ในเดือนมกราคม 2565ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 3.8 จากเดือนธันวาคม 2564 ที่ลดลงร้อยละ -4.4

ส่วนเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ในเดือนมกราคม 2565 กลับมาขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 17.9 ต่อปี และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 18.0 สำหรับการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือนมกราคม 2565 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 2.6 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 2.5

ขณะที่ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวที่ร้อยละ 3.9 แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -2.4 ด้านเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยภาคเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือนมกราคม 2565 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 3.1 จากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตสำคัญเช่น อ้อยโรงงาน ปาล์มน้ำมัน และไก่เนื้อ เป็นต้น

สำหรับด้านบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนมกราคม 2565 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประเภทพิเศษ นักท่องเที่ยวกลุ่มสิทธิพิเศษ (Thailand Privilege Card) นักธุรกิจ กลุ่มสุขภาพที่เข้ามารับบริการทางการแพทย์ในประเทศไทยรวม จำนวน 133,903 คน

โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย เยอรมนี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และสหรัฐ เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศ ที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนมกราคม 2565 จำนวน 15.43 ล้านคน หรือคิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 127.2 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 15.5

ทั้งนี้ เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดีแม้มีปัจจัยกดดันจากระดับราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมกราคม 2565 อยู่ที่ร้อยละ 3.23 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.52 ส่วนสัดส่วน หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 อยู่ที่ร้อยละ 59.6 ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561

สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2565 อยู่ในระดับสูง
ที่ 242.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ