ตลาดคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สงครามยืดเยื้อ หนุนเงินบาทอ่อนค่า

เงินบาท สงคราม รัสเซีย ยูเครน

แบงก์ประเมินค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าในกรอบ 33.00-33.50 บาทต่อดอลลาร์ เกาะติดการประชุมเฟด-บีโออี-สงครามในยูเครน เผยตลาดคาดการณ์เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% หนุนกระแสเงินทุนไหลออก ดันค่าเงินบาทอ่อนค่า

วันที่ 13 มีนาคม 2565 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า (วันที่ 14-18 มีนาคม 2565) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.00-33.50 บาทต่อดอลลาร์ ปัจจัยที่ต้องติดตามและมีผลต่อตลาดจะเป็นการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15-16 มี.ค.นี้

โดยจะต้องดูว่าเฟดจะส่งสัญญาณต่อความกังวลอัตราเงินเฟ้อและเศรษฐกิจอย่างไร และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่เท่าไร ซึ่งตลาดคาดว่าจะขึ้นอยู่ที่ 0.25% ต่อปี และจะมีการขึ้น 7 ครั้ง ซึ่งต้องรอดูเฟดจะเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์หรือไม่ รวมถึงประเด็นสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน จะมีการเจรจาหรือบุกยึดต่อ

นอกจากนี้ยังคงต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) จะส่งสัญญาณรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ รวมถึงการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) คาดว่าการดำเนินนโยบายคงยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก โดยยังคงการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) และยังเห็นค่าเงินเยนอ่อนค่าอยู่

“ภาพรวมสัปดาห์หน้าไฮไลต์จะอยู่ที่การประชุมเฟดและภาพสงครามจะเดินไปทิศทางไหน จะเจรจาหรือรัสเซียยังคงลุยบุกรุกต่อ ซึ่งคาดว่าจะสร้างความผันผวนให้ตลาดอีกนาน โดยเราก็ยังคงเห็นเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง”

Advertisment

สำหรับกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่ามีฟันด์โฟลว์ไหลออกค่อนข้างมาก ทำให้เงินบาทสะวิงอ่อนค่า โดยตลาดหุ้นซื้อสุทธิ 676 ล้านบาท และพันธบัตร (บอนด์) ขายสุทธิ 4 หมื่นล้านบาท โดยจะเป็นการขายบอนด์ตัวสั้น เนื่องจากมีการเทขายเพื่อทำกำไร (Take Profit) ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเก็งกำไรบาทแข็ง แต่หลังจากบาทสะวิงไปอ่อนค่า จึงมีแรงเทขายออกมา

ส่วนภาพฟันด์โฟลว์สัปดาห์หน้า จะเริ่มเห็นฟันด์โฟลว์ไหลออกเล็กน้อยในหลักหมื่นล้านบาท แต่หากภาพสงครามเลวร้ายมากขึ้น และภาพเฟดเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ อาจจะเห็นระหว่างสัปดาห์ซื้อสลับขาย แต่ภาพรวมฟันด์โฟลด์จะไหลออกได้

นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการสายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเคลื่อนไหวในสัปดาห์หน้าอยู่ที่ 33.00-33.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยจะต้องจับตาประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 มี.ค. ซึ่งคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี รวมถึงต้องติดตามถ้อยแถลงประธานเฟด และการคาดการณ์เศรษฐกิจและเงินเฟ้อจากเฟด เพื่อประเมินการขึ้นดอกเบี้ยในครั้งถัดๆ ไป

ขณะเดียวกันยังคงต้องติดตามสถานการณ์สงครามในยูเครน และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ตลอดจนยอดค้าปลีกเดือน ก.พ.ของสหรัฐ รวมถึงกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายที่ยังคงผันผวน

Advertisment

“เงินบาทกลับมาอ่อนค่าเดือนนี้ จากกระแสเงินทุนไหลออก ความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ภาวะเงินเฟ้อสูง ต้นทุนด้านพลังงาน อาหาร และค่าขนส่ง ถ้าสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อ เงินทุนมีแนวโน้มไหลออกต่อ”