EXIM BANK แนะเอสเอ็มอีปรับตัวตามกระแสโลก พร้อมหนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ

รักษ์ วรกิจโภคาทร
รักษ์ วรกิจโภคาทร

EXIM BANK แนะเอสเอ็มอีปรับตัวตามกระแสโลก พร้อมหนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กมีโอกาสฟื้นตัวและเติบโตกลายเป็นผู้ส่งออกได้

วันที่ 13 มิถุนายน 2565 นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า วันนี้เอสเอ็มอีไทยจำเป็นต้องปรับตัวตามกระแสโลก เพื่อให้สามารถขายสินค้าได้ แต่ปัจจุบันปัญหาของเอสเอ็มอีไทยมีต้นแบบการพัฒนาที่ลอกเลียนต้นแบบธุรกิจกันมา โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร และร้านกาแฟ ซึ่งมีการปิดกิจการ และกลายเป็นหนี้เสียจำนวนมาก โดยในเอสเอ็มอี จำนวน 3 ล้านราย เป็นธุรกิจร้านอาหารและร้านกาแฟ ถึง 7 แสนราย

ดังนั้นการที่เอสเอ็มอีไทยไม่สามารถพัฒนาตนเองได้ ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ของ เอสเอ็มอีไทยปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 33 ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างอินโดนีเซีย ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 61 ของ GDP

ส่วนการสร้างต้นแแบบธุรกิจใหม่ในการให้สินเชื่อของ EXIM คือ เข้าไปสนับสนุนสินเชื่อให้กับบริษัทขนาดใหญ่ โดยให้อัตราดอกเบี้ยลดลงจากปกติร้อยละ 0.50 แต่มีเงื่อนไขว่าธุรกิจขนาดใหญ่นั้นจะต้องมีการสนับสนุน ซัพพลายเชนของตนเอง ที่เป็นเอสเอ็มอี ไม่น้อยกว่า 500 ราย

ทั้งนี้ การช่วยธุรกิจขนาดใหญ่ เพื่อให้ธุรกิจขนาดใหญ่ไปช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็ก จะทำให้ธุรกิจขนาดเล็กมีโอกาสฟื้นตัวและเติบโตกลายเป็นผู้ส่งออกได้มากขึ้น จากปัจจุบันมีเอสเอ็มอีที่สามารถส่งออกในตลาดโลกได้เพียง 3 หมื่นราย จากจำนวนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทั้งหมด 3 ล้านราย โดย EXIM ให้อัตราดอกเบี้ยแก่ เฉลี่ยเพียงร้อยละ 4.50 เท่านั้น

“EXIM ไม่ใช่เพียงแค่การเป็นธนาคารที่ให้สินเชื่อเท่านั้น แต่จะต้องเป็นธนาคารที่ให้โอกาส โดยเฉพาะกับเอสเอ็มอีซึ่งผลสำเร็จของต้นแบบการให้สินเชื่อแบบใหม่ดังกล่าวทำให้หนี้เสีย หรือ NPL ในปีที่แล้วของธนาคารอยู่ที่เพียงร้อยละ 2.78”