ถอดโมเดล “สมาร์ทซิตี้” เอสโตเนีย ปั้นประเทศสู่ “เมืองดิจิทัล” 100%

กระแสการพัฒนา “เมืองอัจฉริยะ” (smart city) เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลกมาพักใหญ่ และยังคงเป็นกระแสต่อเนื่อง ซึ่งประเทศเล็ก ๆ

จากแถบบอลติกในยุโรปเหนืออย่าง “เอสโตเนีย” ได้ยกสมาร์ทซิตี้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยมีเป้าหมายยกเครื่องเอสโตเนียเป็น “ประเทศดิจิทัล” อย่างสมบูรณ์

“เอสโตเนีย” ที่หลายคนยกให้เป็น “ซิลิคอนวัลเลย์แห่งยุโรป” เลื่องลือในด้านการพัฒนาระบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ “e-Estonia” ซึ่งใช้เทคโนโลยี “บล็อกเชน” เป็นแพลตฟอร์มขับเคลื่อน

โดยเก็บข้อมูลของประชาชนในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์บนบล็อกเชน เช่น ข้อมูลด้านสุขภาพและการแพทย์ อีกทั้งบริการต่าง ๆ ของภาครัฐกว่า 95% ยังให้บริการผ่านออนไลน์ อาทิ การลงคะแนนเลือกตั้งออนไลน์ ที่เอสโตเนียเป็นประเทศแรกของโลก, การแจ้งเกิด, แจ้งจดทะเบียนรถยนต์, เอกสารราชการต่าง ๆ เป็นต้น

ความน่าสนใจก็คือ ประเทศที่มีประชากรเพียง 1.3 ล้านคน มีวิสัยทัศน์ในการชูธงพัฒนาประเทศด้วยเทคโนโลยีเพื่ออนาคตอย่างไรบ้าง ?

ดร.วีระชัย เตชะวิจิตร์ กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐเอสโตเนีย ประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงวิสัยทัศน์ในปี 2018 ของเอสโตเนีย ในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ “Estonian smart city cluster” เป็นเป้าหมายการพัฒนาระยะยาวถึงปี 2020 เพื่อยกระดับให้เอสโตเนียเป็นที่รู้จักในระดับสากล ในฐานะการเป็นทั้งผู้พัฒนาและผู้ส่งออกชั้นนำด้าน “สมาร์ทซิตี้โซลูชั่น”

โดยเอสโตเนียได้เลือก “เมืองตาร์ตู” (Tartu) ให้เป็นเมืองต้นแบบอัจฉริยะ ด้วยการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับองค์กรต่าง ๆ โดยร่วมมือกับภาคธุรกิจ ประชาชน องค์กรสาธารณะ หน่วยงานด้านวิจัย ในการผลักดันโครงการ เพื่อเป้าหมายสร้างสรรค์และพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการส่งออก เพื่อตอบสนองความต้องการรูปแบบการใช้ชีวิตของคนเมืองยุคใหม่ที่ขยายตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ

หนึ่งตัวอย่างในโปรเจ็กต์สมาร์ทซิตี้ที่ประสบความสำเร็จ และต่างประเทศกำลังให้ความสนใจอย่าง “X-road” หรือระบบการเชื่อมข้อมูลของภาครัฐ เป็นการเชื่อมข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ในเอสโตเนีย เช่น ข้อมูลด้านสุขภาพ ประวัติการรักษา หมู่เลือด ประวัติการแพ้ยา ที่สามารถเชื่อมต่อจากโรงพยาบาลอื่น ๆ ได้ภายในไม่กี่นาที

X-road ได้กลายเป็นกระดูกสันหลังสำคัญของบริการภาครัฐในเอสโตเนียในปัจจุบัน ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ฟินแลนด์ เป็นประเทศแรกในกลุ่มอียูที่ร่วมจัดตั้งสมาคมไม่แสวงหาผลกำไร เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทางเอสโตเนียในการพัฒนาระบบ X-road

และในปี 2019 จะเริ่มใช้ระบบ “smart transportation” การพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือด้านระบบการขนส่งอัจฉริยะ เช่น ตั๋วรถอิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท โดยข้อมูลและโลเกชั่นของรถสาธารณะ จะถูกเชื่อมต่อกับมือถือของประชาชนแบบเรียลไทม์ เป็นต้น

รวมถึงระบบ “e-Residency” หรือ “พลเมืองเสมือน” ซึ่งระบบนี้จะให้ smart ID กับนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาจดทะเบียนบริษัท และเข้าถึงระบบธนาคารสำหรับธุรกิจได้ด้วยการลงนามเอกสารผ่านลายเซ็นดิจิทัล และสามารถจัดตั้งบริษัทสัญชาติเอสโตเนียได้จากพื้นที่ออนไลน์ 100% โดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศ

นอกจากนี้ “คาสปาร์ กอร์จัส” ผู้อำนวยการโครงการ e-Residency ได้แสดงความสนใจที่จะพัฒนาสกุลเงินดิจิทัล “estcoin” เพื่อใช้แทนเงินสกุลปกติในการใช้จ่ายสินค้าในประเทศ ทั้งเสนอให้รัฐบาลผูกโยงกับระบบ e-Residency ซึ่งขณะนี้มีประชากรดิจิทัลราว 27,000 คน

อย่างไรก็ตามแผนการผลิต estcoin ยังถูกคัดค้านจากหลายฝ่าย ความเคลื่อนไหวเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงเป้าหมายที่ชัดเจนของเอสโตเนีย เพื่อพัฒนาประเทศให้เป็น “ต้นแบบ” ของ smart city โดยสมบูรณ์ เพื่อมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนเมือง พร้อมเล็งส่งออกและถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ สู่ต่างประเทศมากขึ้น