ผู้ว่าฯ เลย สั่งลุยสำรวจรังวัด 6 พันกว่าไร่ โยง บ.ซีพีเค ขอออกโฉนดแปลงที่ถูกเพิกถอน

จากกรณีได้มีพนักงานช่างตรวจรังวัดจากกรมที่ดิน พร้อมกับหน่วยงานของป่าไม้ เตรียมเข้าพื้นที่ อำเภอด่านซ้าย อำเภอภูเรือ เพื่อร่วมรังวัดหาพิกัด ระวางแผนที่ พื้นที่ป่าถูกบุกรุกจากการครอบครองของบริษัท ซีพีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จำนวนที่ดิน147 แปลง 6,229 ไร่เศษ ที่ถูกกรมที่ดินได้เพิก นส.3 ก.โดยจะเข้ากำหนดพื้นที่หาพิกัด แต่ไม่สามารถเข้าตรวจสอบรังวัดได้ ซึ่งทางที่ดินจังหวัดอ้างขอเอกสารหนังสือแต่งตั้งเข้าสำรวจจากผู้ว่าราชการจังหวัดก่อน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2561 นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ได้เปิดเผยเรื่องนี้ว่า เนื่องจากว่าการตรวจสอบรังวัดในที่ดิน ซึ่งจะประกอบไปด้วยนายช่างและวิศวกร เข้าทำงานร่วมกันเพราะว่าที่ตั้งของที่ดินจำนวน 6,000 กว่าไร่ คนใดคนหนึ่งทำอาจจะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ปัญหาที่พบว่า ทุกคนเจ้าหน้าที่ที่กำลังเข้าพื้นที่ ซึ่งมาจากกรมเป็นต่างถิ่น ก็เลยไม่รู้ว่าจะเริ่มจากไหนดีก็เลยจำเป็นพึ่งที่ดินจังหวัด ที่ดินจังหวัดเองควรที่จะเป็นหัวหน้า เพื่อจะรังวัดให้ถูกแปลง เพราะว่าที่ดินที่ถูกเพิกถอนไป 147 แปลง คนที่เป็นช่างรังวัดและวิศวกรมาจากกรุงเทพไม่ได้รู้ว่าภูมิประเทศเป็นยังไง เพราะฉะนั้นที่ดินจังหวัดจึงได้เข้ามาเสนอว่า อยากจะได้คำสั่งโดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นคนลงนามแต่งตั้ง ให้ที่ดินจังหวัดเป็นหัวหน้าในการรังวัด เพื่อจะได้ว่าตรงไหนที่ควรจะเป็นจุดที่จะเริ่มต้น เพราะอย่างนั้นทางเจ้าหน้าที่ที่มาจากกรม อาจจะเริ่มต้นไม่ถูกเนื่องจากว่า ไม่ได้เป็นคนดูแลในพื้นที่จริง การทำงานมองแล้วไม่เห็นมีปัญหาอะไร และในเรื่องนี้ได้ทำหนังสือแต่งตั้งการทำงานของที่ดินจังหวัดไปแล้ว

ดังนั้นเมื่อมีการชี้จุดว่าตรงไหนควรจะเริ่มก่อน ตรงไหนควรจะเริ่มหลัง เนื่องจากการทำงานตั้ง 6,000 กว่าไร่ ควรจะเริ่มที่ไหนก่อน ซึ่งทางที่ดินก็อยากเริ่มที่ประเด็น ที่ตนเองได้กล่าวโทษร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.ภูเรือ ให้ดำเนินคดีกับบริษัท ซีพีเคอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในความผิดฐาน “ผู้สนับสนุนให้เจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสารรับรองหลักฐาน ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ และสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติโดยมิชอบ” โดยพบว่ามีการออกโฉนดที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฏหมายโดยออกทับที่ดิน นส.3 ก ที่ถูกเพิกถอนไปแล้ว คือทางที่ดินได้นำเอาแผนที่มาทับกันแล้ว ปรากฏว่าที่ดินมีอยู่ 6 ไร่ ที่มีคนขอออกโฉนด แล้วไปร้องทุกข์ต่อพนักงานว่าที่ดินที่เคยเพิกถอนไปแล้ว แต่ทำไมมีคนมาขอออกโฉนดในแปลงนี้ แล้วเอาแผนที่มาวางทับซ้อนกันปรากฏว่า ที่ดินดังกล่าวมีการทับซ้อนกัน เพราะที่ดินแปลงนี้ ที่ดินจึงอยากจะเริ่มต้นก่อน และเมื่อจะเริ่มก่อนแล้วใครจะเป็นคนชี้ได้ สรุปก็ควรจะเป็นที่ดินจังหวัด เพราะว่าเป็นเจ้าของพื้นที่และเป็นคนอยู่ในเหตุการณ์มากกว่า เพราะที่ตั้ง 6,000 ว่าไร่ถ้าเริ่มไม่ถูกจุดจะทำให้เรื่องช้าไปเรื่อย ๆ

ในส่วนการดำเนินการของคณะกรรมการที่แต่งตั้ง ต้องบอกว่ามีความคืบหน้าไปมากแล้ว ทุกคนลงพื้นที่ทำงาน คนที่มีความรู้เรื่องแผนที่ มีความรู้เรื่องระวาง มีความรู้เรื่องสำรวจมาลงพื้นที่หมดแล้ว ป่าไม้เองมีหน้าที่ที่จะตรวจนับก็เริ่มอายัดในที่บุกรุกแล้ว พนักงานสอบสวนก็เรียกบุคคลที่ควรสอบสวนก็สอบสวนแล้ว คดียังคงเดินตามปกติยังมองไม่เห็นความผิดปกติในเรื่องของการดำเนินคดีแต่อย่างใด

 

ที่มา มติชนออนไลน์