กรมชลประทานเดินหน้าแก้ไขปัญหาน้ำท่วมลุ่มน้ำเพชรบุรีตอนล่าง

แม่น้ำเพชรบุรี (แฟ้มภาพ)

กรมชลประทาน เดินหน้าแก้ไขปัญหาอุทกภัยลุ่มน้ำเพชรบุรีตอนล่าง เร่งก่อสร้างคลองระบายน้ำ 2 สาย เพื่อตัดยอดปริมาณน้ำบริเวณด้านเหนือเขื่อนเพชร ลดผลกระทบน้ำท่วมพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า การควบคุมและบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเพชรบุรี ปัจจุบันสามารถทำได้เฉพาะพื้นที่บริเวณเหนืออ่างเก็บน้ำ 3 แห่ง (เขื่อนแก่งกระจาน เขื่อนห้วยผาก และเขื่อนแม่ประจันต์)ที่ตั้งอยู่ทางตอนบนของลุ่มน้ำเพชรบุรี ส่วนพื้นที่ที่ไม่สามารถควบคุมและบริหารจัดการน้ำได้ จะเป็นพื้นที่ด้านท้ายของอ่างเก็บน้ำทั้ง 3 แห่ง ซึ่งอยู่เหนือเขื่อนเพชร(เขื่อนทดน้ำ)ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อ.ท่ายาง เมื่อมีปริมาณฝนตกเกิน 150 มิลลิเมตรต่อวัน จะทำให้มีปริมาณน้ำจำนวนมากไหลผ่านเขื่อนเพชร จนทำให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน ทั้งนี้ ในช่วงฤดูฝนปี 2560 ที่ผ่านมา ได้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำเพชรบุรี ทำให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเพชร มากกว่า 350 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเป็นปริมาณน้ำที่เกินขีดความสามารถในการระบายน้ำของแม่น้ำเพชรบุรี ในช่วงที่ไหลผ่านตัวเมืองเพชรบุรี(รับน้ำได้เพียง 150 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) ส่งผลให้เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณตัวเมืองเพชรบุรี ไปจนถึงพื้นที่ลุ่มต่ำอำเภอบ้านลาด และอำเภอบ้านแหลม ส่งผลกระทบต่อประชาชนและพื้นที่เศรษฐกิจค่อนข้างมาก

กรมชลประทาน ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น โดยการก่อสร้างคลองระบายน้ำ 2 สาย บริเวณด้านเหนือเขื่อนเพชร เพื่อตัดยอดปริมาณน้ำก่อนที่จะไหลผ่านเขื่อนเพชร ให้ระบายออกสู่ทะเลได้ในอัตรา 650 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านเขื่อนเพชรลดน้อยลง และไม่ทำให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนเพชรลงมา สำหรับคลองระบายน้ำ 2 สาย ที่กรมชลประทานได้วางแผนการดำเนินการก่อสร้าง ประกอบไปด้วย

การก่อสร้างคลองระบายน้ำสาย 3 เชื่อมลงคลองระบายน้ำ D9 ความยาวรวม 31.50 กิโลเมตร สามารถระบายน้ำได้ 100 ลบ.ม./วินาที ซึ่งในปี 2560 ที่ผ่านมา กรมชลประทานได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างคลองระบายน้ำสาย D9 ความยาว 19 กิโลเมตร ส่วนคลองระบายน้ำสาย 3 ความยาว 4 กิโลเมตร จะเริ่มดำเนินการในปีนี้ ทั้งนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้ง 2 สายในปี 2562 ส่วนงานที่เหลือจะดำเนินการก่อสร้างในปีงบประมาณ 2562 หากดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถระบายน้ำลงสู่ทะเลได้ 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ในส่วนของคลองระบายน้ำ D1 ความยาว 20 กิโลเมตร ความสามารถในการระบายน้ำได้ 550 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมและวางแผนก่อสร้างให้แล้วเสร็จในปี 2564 ทั้งนี้ หากดำเนินการก่อสร้างคลองระบายน้ำแล้วเสร็จทั้งหมด จะสามารถระบายน้ำได้สูงสุด 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที(จากสถิติน้ำหลาก 25 ปี) ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำเพชรบุรีตอนล่างได้

 

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์