“ปิยะสกล” โทรสายตรงจากสวิส ประสานรมช.คลัง หาทางออกผลกระทบระเบียบคุมจ้างงาน สธ.

แฟ้มภาพ

หลังจากกระทรวงการคลังออกระเบียบว่าด้วยการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างโดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ พ.ศ.2561 โดยหลักๆ คือ หากกระทรวงใด หรือหน่วยงานใดจะจ้างพนักงานหรือลูกจ้าง ต้องขอให้ทางปลัดกระทรวงการการคลังพิจารณา ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ทำให้โรงพยาบาลทุกระดับของกระทรวงสาธารณสุขจะได้รับผลกระทบในการว่าจ้าง ขณะเดียวกันลูกจ้างพนักงานฯก็เช่นกัน ซึ่งเงินงบประมาณจะเกี่ยวข้องกับกระทรวงสาธารณสุขมากที่สุด เนื่องจากมีโรงพยาบาลที่มีเงินบำรุง ขณะเดียวกันกระทรวงศึกษาธิการก็มีเช่นกัน กระทั่งชมรมแพทย์ชนบทออกมาโพสต์ชวนให้ทุกโรงพยาบาลติดป้ายคัดค้านประกาศเรื่องดังกล่าว

เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ผ่านทางระบบวิดีโอคอลกับทางผู้สื่อข่าวสาธารณสุขระหว่างเดินทางมาประชุมในเวทีสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 71 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ว่า ทราบเรื่องดังกล่าวก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยตนได้โทรศัพท์ประสานไปยังรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังถึง 2 ครั้ง ว่า ประกาศดังกล่าวหากออกมาจะกระทบกับทางกระทรวงสาธารณสุขมาก ซึ่งในวันนี้ (23 พ.ค.) ได้มอบหมายให้ทางผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ และทางปลัดกระทรวงฯ พร้อมทั้งผู้บริหารเข้าหารือกับทางกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้พิจารณาหาทางออกเรื่องดังกล่าว เพราะหากประกาศใช้จะมีผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ขอให้ลูกจ้างพนักงานกระทรวงฯ ทั้งหมดอย่างเพิ่งตกใจ ขอให้ใจเย็นๆ ทางผู้บริหารกระทรวงฯ ไม่นิ่งเฉย จะหาทางช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีชมรมแพทย์ชนบทโพสต์ข้อความชวนให้ทุกโรงพยาบาลทุกระดับขึ้นป้าย แต่งดำ ผูกริบบิ้นดำคัดค้านประกาศกระทรวงการคลัง นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ขอให้รอการหารือก่อน ซึ่งเชื่อว่าจะมีแนวทางช่วยเหลือแน่นอน เราจะไม่ทำอะไรที่กระทบกับประชาชน และจะไม่ทำอะไรที่ส่งผลต่อขวัญกำลังของบุคลากร ซึ่งขณะนี้ตนมาประชุมที่สวิส แต่จะรีบเดินทางกลับไปยังประเทศไทยให้เร็วที่สุด คาดว่าน่าจะถึงไทยประมาณวันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคมนี้ เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาดังกล่าว

นพ.ธวัช สุนทราจารย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังหารือแนวทางแก้ปัญหาอัตรากำลัง หลังกระทรวงการคลัง ออกระเบียบ กระทรวงการคลัง เรื่องการจ้างพนักงาน หรือลูกจ้าง โดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ 2561 โดยลงนามเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่า เรื่องนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยเรียกฝ่ายกฎหมาย และทรัพยากรบุคคลเข้าหารือ เบื้องต้นจะเสนอกระทรวงการคลัง ขอชะลอการบังคับใช้ตามประกาศดังกล่าวออกไปก่อน และเสนอให้มีการตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อศึกษาเรื่องแนวทางการจ้างอย่างสมเหตุสมผล เพราะเรื่องนี้กระทบต่อลูกจ้างของกระทรวงสาธารณสุขที่มากถึง 140,000 คน โดยจะมีการหารือกับกระทรวงคลัง อย่างเป็นทางการในเวลา 13.00 น. ร่วมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และรองปลัดกระทรวงการคลัง ที่ทำหน้าที่กำกับดูแลกรมบัญชีกลาง

นพ.เจษฎา กล่าวว่า ขอให้ลูกจ้างทุกคนอย่างเพิ่งตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ทุกคนกำลังพยายามแก้ไขปัญหานี้ และขอให้รอการหารือในช่วยบ่าย หากได้รับผลอย่างไรก็จะมีการแจ้งหรือออกหนังสืออย่างเป็นทางการ เบื้องต้นจะทำให้มีการชะลอเรื่องคำสั่งดังกล่าวให้ได้ อย่างไรก็ตาม ถือว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อกระทรวงสาธารณสุขมากที่สุด เนื่องจากระเบียบของคำสั่งระบุให้มีการจ้างรายปีงบประมาณ ซึ่งก็จะทำให้ลูกจ้างสิ้นสุดสถานการจ้างในกันยายนนี้ และอาจส่งผลต่อการให้บริการประชาชน

“หากระเบียบนี้ประกาศใช้จะมีผลกระทบกับโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นอย่างมาก เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขมีลูกจ้างชั่วคราว และลูกจ้างอื่นๆ ที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วย เช่น พนักงานเปล ผู้ช่วยเหลือผู้ป่วย และมีการจ้างงานตามระเบียบพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีสัญญาจ้างระยะเวลา 4 ปี กำหนดให้มีสวัสดิการและการขึ้นค่าจ้างรายปี จึงต้องหาแนวทางเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับเจ้าหน้าที่ และระบบการให้บริการประชาชน” นพ.เจษฎา กล่าว

 

ที่มา : มติชนออนไลน์