อธิบดีดีเอสไอสอบวินัยไม่ร้ายแรง “พิสิฐชัย” ยอมรับใช้จินตนาการโพสต์บุกวัดดังคดีเงินทอนวัด

เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงการตั้งกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัยนายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ ที่โพสต์ข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับการดำเนินการในคดีเงินทอนวัดว่า หลังจากผู้อำนวยการกองคดีภาษีอากรสอบสวนข้อเท็จจริง พบว่า พฤติการณ์ของนายพิสิฐชัย มีความผิดทางวินัยและจริยธรรมของพนักงานสอบสวน ตนจึงมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัย โดยเริ่มจากความผิดวินัยไม่ร้ายแรงและกำชับให้แล้วเสร็จภายในกำหนด 30 วัน อย่างไรก็ตาม หากผลการดำเนินคดีอาญาชี้ว่าเป็นความผิดวินัยร้ายแรงก็จะดำเนินการให้สอดคล้องกับผลการสอบสวน ส่วนการดำเนินคดีอาญาได้ส่งตัวนายพิสิฐชัยให้กองบังคับการปราบปรามดำเนินคดีอาญา ซึ่งในระหว่างการสอบสวนดำเนินคดี ดีเอสไอได้สั่งให้นายพิสิฐชัยหยุดปฏิบัติหน้าที่และให้พ้นจากกองคดีภาษีอากรมาประจำสำนักผู้เชี่ยวชาญ ทั้งนี้ ดีเอสไอมีระเบียบวินัยชัดเจน คือ ผู้บังคับบัญชาต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ให้กระทำความผิด

อธิบดีดีเอสไอกล่าวว่า แม้ว่าการโพสต์ข้อความจะเป็นการแสดงความเห็นส่วนตัวแต่ดีเอสไอเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่สืบสวนสอบสอบ ซึ่งการโพสต์ข้อความอาจสร้างความสับสนให้ประชาชน นอกจากนี้ ดีเอสไอยังมีระเบียบว่าด้วยการให้ข่าวด้วย ที่ผ่านมาได้สอบถามนายพิสิฐชัยถึงการโพสต์ข้อความดังกล่าว โดยนายพิสิฐชัยยอมรับว่าข้อมูลที่นำมาโพสต์ในเฟชบุ๊กส่วนหนึ่งมาจากข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนอ ส่วนที่เหลือเป็นการจินตนาการไปเอง

“ที่ผ่านมาในคดีที่เกี่ยวพันกับวัดพระธรรมกาย ดีเอสไอเคยมอบหมายให้นายพิสิฐชัยเป็นผู้เจรจาและดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ เนื่องจากเห็นว่านายพิสิฐชัยเคยบวชเรียนมานาน มีความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนทางสงฆ์ แต่นายพิสิฐชัยไม่เกี่ยวข้องกับการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย เนื่องจากดีเอสไอจะใช้ชุดปฏิบัติการอื่น” พ.ต.อไพสิฐกล่าว

 

ที่มา : มติชนออนไลน์