“วรกร” เครือข่ายทนายปกป้องศาสนา เยี่ยม 5 อดีตพระเถระผู้ใหญ่ คดีเงินทอนวัด

เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวรกร พงศ์ธนากุล ประธานเครือข่ายทนายและประชาชนปกป้องพระพุทธศาสนา พร้อมด้วยประชาชนกลุ่มปกป้องพระพุทธศาสนา เดินทางมายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อติดต่อขอเยี่ยมผู้ต้องหาคดีทุจริตงบประมาณอุดหนุนโรงเรียนปริยัติธรรมและงบประมาณเผยแผ่ศาสนา ตั้งแต่ปี 2557 เป็นจำนวนเงินรวมกันกว่า 150 ล้านบาท ประกอบด้วย นายเอื้อน กลิ่นสาลี หรืออดีตพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม, นายสมทรง อรรถกฤษณ์ หรืออดีตพระอรรถกิจโสภณ เลขานุการเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร, นายบุญทวี คำมา หรือ พระศรีคุณาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ, นายสมจิตร จันทร์ศรี หรืออดีตพระครูสิริวิหารการ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ และนายเทอด วงษ์ชอุ่ม หรืออดีตพระวิจิตรธรรมาภรณ์หรือเจ้าคุณเทอด ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ

นายวรกรกล่าวภายหลังการเข้าเยี่ยม ประมาณ 20 นาที ว่าการมาเยี่ยมในวันนี้ตั้งใจจะมาสอบถามเพื่อให้การช่วยเหลือในด้านคดีแก่อดีตพระทั้ง 5 คน แต่อดีตพระระบุว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดมีทนายความต่อสู้ในคดีแล้ว คงไม่รบกวนเครือข่ายทนายและประชาชนปกป้องพระพุทธศาสนา อย่างไรก็ตาม จากการที่ได้เข้าไปพูดคุยกับอดีตพระทั้ง 5 ได้ให้ข้อมูลว่าที่ผ่านมา ตำรวจ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ยังไม่เคยมีการเรียกผู้ต้องหาทั้งหมดไปสอบสวน มีเพียงการแจ้งข้อกล่าวหาที่กองปราบปรามเท่านั้น ส่วนตัวไม่ขอยืนยันว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพียงแต่นำข้อมูลที่ได้รับมาให้กระจายต่อให้สังคมได้รับรู้ หากจริงตามที่อดีตพระให้ข้อมูลก็จะถือว่าการทำคดีนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในด้านสุขภาพของอดีตพระทั้ง 5 คนนั้น จากการสังเกตและพูดคุยพบว่าอดีตพระทั้งหมดยังคงมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงดี ไม่มีท่าทีอ่อนโรย โดยบอกว่า ทางเรือนจำดูแลทั้งหมดเป็นอย่างดี

นายวรกรกล่าวอีกว่า สำหรับการร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิด พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.พศ. ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เข้าข่ายผิดมาตรา157 กรณีที่ ผอ.พศ.มีคำสั่งส่งหนังสือถึงสำนักพุทธศาสนาจังหวัด หรือ พศจ.ทุกจังหวัด ขอข้อมูลด้านการเงินบัญชีวัด รวมถึงอยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับวัดที่พระไม่จับเงิน และนำเข้าบัญชีวัดทันที ซึ่งเป็นหนังสือที่ออกโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ทางเครือข่ายฯคงจะร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกองบังคับการปราบปรามเพียงแห่งเดียวก่อน ยังไม่มีแผนไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่อื่นเพิ่มเติม

 

ที่มา : มติชนออนไลน์