ตร.ถกคลี่ปม”ฟินิกซ์”ล่ม ต้องกู้ซากให้ได้ก่อน 12 ส.ค. คาดฟันเจ้าของแจ้งเท็จ พบศักยภาพผจก.ไม่ถึงนั่งบริหาร

เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 9 สิงหาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ชุดคลี่คลายคดีเรือบรรทุกนักท่องเที่ยว ฟีนิกซ์ เกิดภัยพิบัติทางทะเล จ.ภูเก็ต เป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และ เสียชีวิตจำนวน 47 ราย เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา นัดประชุมชุดพนักงานสอบสวนครั้งแรก หลังจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีคำสั่งแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ เป็นผู้กำกับดูแลในคดีนี้ โดยใช้เวลาประชุมนานเกือบ 2 ชั่วโมง

พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ กล่าวว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าคดีไปแล้วร้อยละ 70 ส่วนพยานหลักฐานที่เหลือจะต้องรอจากการตรวจพิสูจน์ซากเรือที่ยังจมอยู่ในทะเล ซึ่งถือว่าเป็นพยานหลักฐานสำคัญ และจะพยายามกู้ซากเรือให้ได้ภายในวันที่ 12 สิงหาคมนี้ ยืนยันว่าการที่เรือจมอยู่ในน้ำเป็นระยะเวลานาน ไม่ได้ทำให้พยานหลักฐานในคดีหายไป เพราะจะมีการตรวจด้านวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบเรือ รวมถึงระบบสูบว่าถูกต้องหรือไม่ และจะต้องหาต้นตอของเรือว่ามีการประกอบในไทยหรือต่างประเทศ มีการประกอบถูกต้องหรือไม่ และตอนนี้จากการสอบสวนพยานไปบ้างแล้ว นอกจากนี้จะต้องสืบสวนต่อไปว่าจะมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องหรือไม่ ใครเป็นเจ้าของบริษัทที่แท้จริง นอกเหนือจากนางสาววรลักษณ์ ฤกษ์ชัยกาล อายุ 26 ปี กรรมการบริษัททีซีบลู ดรีม จำกัด ทางตำรวจจะจับผู้ที่เกี่ยวข้องตามพยานหลักฐาน ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นชนชาติใดเป็นพิเศษ แต่จะหาว่าใครเป็นเจ้าของบริษัทที่มีอำนาจที่แท้จริง คดีนี้มีการจับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 3 ราย แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าซัดทอดถึงใครบ้าง ตำรวจดำเนินการตามพยานหลักฐาน

ส่วนกรณีนี้จะเข้าข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญหรือไม่นั้น รองผบ.ตร. กล่าววว่า เรื่องนี้ต้องแยกเป็นอีกคดีหนึ่ง ตนเองดูในเรื่องของความประมาทในการเดินเรือจนทำให้มีผู้บาดเจ็บเสียขีวิตจำนวนมาก จากสาเหตุการฝ่าฝืนเดินเรือออกจากฝั่ง ทั้งๆ ที่มีการประกาศเตือนเรื่องสภาพภูมิอากาศแล้ว ซึ่งตนจะต้องมาหาว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบการเสียชีวิต หากพบตัวคนที่เป็นเจ้าของ และคดีเข้าสู่ชั้นศาล ศาลจะยึดทรัพย์เพื่อนำมาชดใช้ให้กับผู้เสียหายต่อไป เช่นเดียวกับคดีการแจ้งความเท็จกับเจ้าหน้าที่ในการจดทะเบียนบริษัท ก็แยกเป็นคดีหนึ่ง

“เบื้องต้นคดีนี้เป็นคดีเหตุประมาทจนมีผู้เสียชีวิต ถ้ามีเรื่องขบวนการอะไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่คดีนี้ เช่น ถ้าจะบอกว่าเป็นทัวร์ผิดกฎหมายก็เป็นอีกข้อเท็จจริงหนึ่ง แต่คดีนี้เป็นเหตุนักท่องเที่ยวนั่งเรือออกจากฝั่งในระหว่างที่สภาพดินฟ้าอากาศไม่เหมาะสม ตอนนี้มาดูกันที่เหตุแห่งการเสียชีวิตจะต้องมีใครรับผิดชอบบ้าง ส่วนทุนจดทะเบียนของบริษัทมีประมาณ 4 ล้านบาท ต้องรับผิดชอบตามวงเงินที่จดแจ้ง แต่หากมีการไปฟ้องศาลและมีคำพิพากษาก็ยึดทรัพย์อย่างอื่นได้” พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ กล่าวและว่า มีการตรวจสอบพื้นเพเบื้องหลังของผู้ต้องหาที่เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทเรือนำเที่ยวชาวไทยว่า มีศักยภาพที่จะถือตำแหน่งดังกล่าวจริงค่อนข้างยาก อาจเป็นเหตุอัศจรรย์ ถ้ามีพยานหลักฐานว่าเขาไม่มีความสามารถมากพอที่จะบริหารงานนี้ ก็อาจแจ้งข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่อีกด้วย ซึ่งก็เป็นประเด็นที่ติดตามอยู่แล้วทั้งนี้ตนจะลงพื้นที่ติดตามคดีนี้ด้วยตัวเอง

 

ที่มา : มติชนออนไลน์