เครือข่ายฯยกระดับทวงคืน “ป่าแหว่ง” นัดปั่นจักรยาน-จยย.ไปหน้าศาล พ้อเหนื่อยใจกับการแก้ปัญหาของ รบ.

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 6 พฤศจิกายน นายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ เผยความรู้สึกภายหลังนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหากรณีการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์และบ้านพักข้าราชการตุลาการทับป่าดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ ว่า เหนื่อยใจ และเขาน่าจะมาจากข้อเสนอของคณะกรรมการระดับจังหวัดที่มีการเปลี่ยนมติที่ประชุมร่วม เขากลัวเรื่องกฎหมายและกลัวการฟ้องร้องมาก จึงไม่อยากรื้อ สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากทุกคนลอยตัวหนีปัญหากันหมด และไม่ต้องการให้ปัญหายุติ คนเชียงใหม่ยอมไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เป็นบรรทัดฐานในเรื่องคุณธรรม จริยธรรม และความเสมอภาค เพราะหากยอมให้มีป่าแหว่งคงอยู่ ก็จะเกิดป่าแหว่ง 1 ป่าแหว่ง 2 และป่าแหว่ง 3 ตามมา เพราะหากรื้อต่อไปต้องฟังเสียงประชาชนผู้เสียภาษี ไม่ว่าจะทำอะไรต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี ที่ผ่านมาเราต้องการแก้ปัญหาจึงยอมเข้าร่วมประชุมนานกว่า 3 เดือน และมีมติของจังหวัดออกมา แต่ก็มีการเปลี่ยนมติ พร้อมกับไปฟังคนนอก ซึ่งไม่ใช่คนในพื้นที่ซึ่งเกิดปัญหา

“วันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ เราจะปั่นทวงป่า (แหว่ง) โดยมีการนัดพบนักปั่นทั่วเชียงใหม่ เพื่อประกาศเจตนารมณ์ ขอสู้ จนว่าตุลาการจะย้ายลงมาจากเขตป่า เราจะยกระดับการเคลื่อนไหวให้เข้มข้นขึ้น ทั้งการเผาโลงศพ วางพวงหรีด และชุมนุมเรียกร้องด้วยการปั่นจักรยาน และขี่จักรยานยนต์ จากศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ ไปยังหน้าศาลอุทธรณ์ภาค 5 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. พร้อมจัดกิจกรรมต่อเนื่องหนักขึ้นไปอีกเรื่อยๆ” นายธีระศักดิ์กล่าว

โดยวันนี้ เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ได้ออกแถลงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่า 1.เครือข่ายฯรู้สึกผิดหวังกับผลการประชุมของคณะกรรมการแก้ปัญหากรณีบ้านพักข้าราชการตุลาการ “ป่าแหว่ง” ที่ไม่สามารถมีมติแนวทางแก้ปัญหาที่ชัดเจนออกมา โดยขอเลื่อนเวลาไปอีก 30 วัน คือในเดือนธันวาคม ทำให้ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลนี้ไม่อยากจะตัดสินใจโยนเรื่องให้รัฐบาลหน้าหรือไม่ 2.คำแถลงของ รมต.สุวพันธุ์ ตันยุวรรณนะ ที่ว่า มีประชาชนนอกพื้นที่เชียงใหม่ไม่ประสงค์ให้รื้อและให้ทำประโยชน์อย่างอื่น เป็นข้ออ้าง เพราะเมื่อเดือนเมษายน ทำเนียบรัฐบาลโดยเพจไทยคู่ฟ้า ได้เปิดให้ประชาชนทั่วประเทศแสดงความเห็นเข้าไปและประชาชนแทบทั้งหมดเห็นว่าให้รื้อ ดังนั้น การอ้างถึงประชาชนนอกพื้นที่ลอยๆ โดยไม่ระบุตัวตน จึงเป็นข้ออ้างของการไม่ต้องการดำเนินการตามเสียงเรียกร้องของประชาชนที่แท้จริง

3.จากเนื้อข่าว คณะกรรมการชุดใหญ่ระบุว่า การดำเนินงานทุกขั้นตอนเป็นไปตามกฎหมาย เครือข่ายฯคิดว่านี่เป็นเหตุผลข้ออ้างที่จะคงอาคารทั้งหมดให้ใช้สอยต่อไป ซึ่งจะทำให้ปัญหาไม่ยุติ ก่อให้เกิดความร้าวฉานระหว่างราชการกับประชาชนในพื้นที่ เครือข่ายฯได้นำเสนอข้อมูลและรายงานข้อบกพร่อง-ผิดพลาดของการดำเนินงานโครงการนี้แก่คณะกรรมการชุดใหญ่เป็นระยะมาโดยลำดับ จึงขอใช้โอกาสนี้ถามท่านรัฐมนตรี สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ว่า เรื่องที่จะยกขึ้น 4 เรื่องดังต่อไปนี้ ถูกกฎหมายครบถ้วนใช่หรือไม่ ​3.1 การไม่แจ้งการก่อสร้างและส่งแบบแปลนก่อสร้างให้กับ อบต.ดอนแก้ว ก่อนการก่อสร้างไม่น้อยกว่า 30 วัน (จนสร้างเสร็จก็ยังไม่ส่งให้) ทั้งนี้ การที่หน่วยราชการต้องแจ้งและส่งแปลนเป็นไปตามกฎกระทรวงฉบับที่ 9 (2528) ตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร 2522

3.2 การไม่แจ้งหน่วยงานเกี่ยวข้อง ในการตัดต้นไม้จำนวนมากในพื้นที่ก่อสร้างประมาณ 100 ไร่ ต่อเนื่องกันเป็นเวลาประมาณ 5 ปี รวมถึงมีการนำไม้หวงห้ามคือ ต้นสัก ออกจากพื้นที่ด้วย สำนักงานศาลยุติธรรมเอง เคยมีหนังสือเวียน 9 ก.ย.2557 โดยนายภัทรศักดิ์ วรรณแสง อดีตเลขาสำนักงานศาล ถึงแนวทางดังกล่าว ชัดแจ้งว่า การก่อสร้างใดๆ ของสำนักงานศาล หากต้องตัดฟันไม้ต้องมีขั้นตอน แต่ทว่าในการประชุมของอนุกรรมการระดับจังหวัดได้ความว่า หน่วยงานในพื้นที่อย่างป่าไม้ ไม่เคยรับแจ้งใดๆ ว่าจะมีการย้ายไม้หวงห้ามออก

3.3 การไปก่อสร้างทับบนแนวลำน้ำสาขาห้วยชะเยือง สภาพข้อเท็จจริงและการไหลของน้ำตอนหน้าฝนชัดเจนว่าทางน้ำผ่ากลางโครงการลงมา แล้วยังมีแนวลำห้วยเดิมที่ขวางระหว่างพื้นที่โครงการส่วนบนกับส่วนกลาง การที่ก่อสร้างท่อ และสร้าง check dam บนแนวลำน้ำรวมถึงการไปดัดแปลงพื้นที่รอบๆ ยังทำให้น้ำไหลเร็วลงมาใส่บ้านชาวบ้านด้านล่าง หน่วยราชการเกี่ยวข้องคือ กรมธนารักษ์และสำนักงานศาลยุติธรรมดำเนินการที่ถูกต้องครบถ้วนแล้วหรือไม่ เพราะปรากฏว่านี่ขั้นตอนรังวัดออกหนังสือให้ใช้ที่ดินราชพัสดุไม่ได้เขียนแนวลำน้ำสาธารณะทั้งหมดไว้ ทำให้เกิดผลกระทบตามมาต่อราษฎร และ ​3.4 ขั้นตอนประมูล เครือข่ายได้ยื่น ป.ป.ช./สตง. และประธานศาลฎีกาแล้วว่า มีพิรุธในความสัมพันธ์ของผู้บริหารกับผู้รับเหมา อีกทั้งไม่ได้ปฏิบัติตามแนวทางธรรมาภิบาล ไม่ใส่ข้อมูลการประมูลงาน แล้วได้ผู้รับเหมารายเดียว/รายเดิม ลงในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ e-GP การที่โครงการของรัฐไม่กรอกข้อมูลลงในระบบของหน่วยงานตรวจสอบภาครัฐให้ครบถ้วน ก็เพียงพอต่อการตั้งข้อสงสัยและสมควรรอให้มีการพิสูจน์ให้ชัดเจนเสียก่อน ที่จะรับรองว่าขั้นตอนนี้ถูกต้องสมบูรณ์ ​ท่านรัฐมนตรี รับรองได้หรือไม่ว่าการกระทำทั้ง 4 ข้อ ถูกต้องตามขั้นตอน ระเบียบ กฎหมายทุกประการ? ถ้ารับรองไม่ได้ ก็สมควรถอนคำพูดที่แถลงต่อสื่อมวลชนว่าโครงการนี้ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ

4.เครือข่ายฯจะเดินหน้าเรียกร้องให้รื้อถอนโครงการบ้านป่าแหว่งออกไป มิฉะนั้นจะไม่สามารถฟื้นฟูทำให้ป่าสมบูรณ์กลับคืนมาได้

 

ที่มา : มติชนออนไลน์