สรรพสามิต จับ-ปรับสินค้าผิดกฎหมาย 652 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 9.98 ล้านบาท

กรมสรรพสามิตดำเนินมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายสรรพสามิต เพื่อสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส และความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต

นางสดศรี พงศ์อุทัย รองอธิบดีกรมสรรพสามิต รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ได้ดำเนินงานตามมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 และจูงใจผู้ที่อยู่นอกระบบให้เข้ามาสู่ระบบภาษี ซึ่งที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้จัดทำแผนเฉพาะกิจปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตโดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจจากสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม และเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศพร้อมสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่าอาจมีการกระทำผิด เพื่อสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส และความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการ ที่เสียภาษีโดยสุจริต และเพื่อเป็นมาตรการเสริมทางอ้อมในการดูแลสุขภาพของผู้บริโภค ให้บริโภคสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากการบริโภคสินค้าที่หลีกเลี่ยงภาษีจะเป็นอันตรายและส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าสินค้าโดยทั่วไป

จากผลการตรวจค้นและจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 โดยผลการปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตทั่วประเทศ ปีงบประมาณ 2562 (ระหว่างวันที่ 16 – 22 พฤศจิกายน 2561) พบว่ามีการกระทำผิด จำนวน 652 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 9.98 ล้านบาท โดยแยกเป็น

– สุรา จำนวน 356 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 3.71 ล้านบาท
– ยาสูบ จำนวน 142 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 3.11 ล้านบาท
– ไพ่ จำนวน 27 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 0.47 ล้านบาท
– น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน จำนวน 45 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 0.69 ล้านบาท
– น้ำหอม จำนวน 3 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 0.26 ล้านบาท
– รถจักรยานยนต์ จำนวน 58 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ จำนวน 0.56 ล้านบาท
– สินค้าอื่น ๆ จำนวน 21 คดี รวมเป็นเงินค่าปรับ 1.18 ล้านบาท

โดยมีของกลางแยกเป็นน้ำสุรา จำนวน 6,650.000 ลิตร ยาสูบ จำนวน 5,869 ซอง ไพ่ จำนวน 2,548 สำรับ น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน จำนวน 10,149.000 ลิตร น้ำหอม จำนวน 10,383 ขวด รถจักรยานยนต์ จำนวน 57 คัน