“แอนนา รีส” ดาราสาว รายงานตัวกรมคุมประพฤติ บริการสังคม 36 ชม. ใน 1 ปี รับเป็นบทเรียนชีวิต

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ที่กรมคุมประพฤติ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยว่า ได้เชิญ น.ส.แอนนา แฮมบาวรีส หรือแอนนา รีส ดาราสาวนักแสดงชื่อดังเข้ารายงานตัวเพื่อรับทราบเงื่อนไขการคุมประพฤติ ในความผิดขับขี่รถในขณะมึนเมาสุรา หลังศาลแขวงพระนครเหนือ มีคำพิพากษาจำคุก 2 เดือน ปรับ 2,000 บาท โดยให้รอการลงอาญา 3 ปี และกำหนดเงื่อนไขคุมประพฤติพร้อมพักใบอนุญาตขับขี่ 2 ปี

พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า เงื่อนไขในการคุมประพฤติจะต้องมารายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ในระยะเวลา 1 ปี พร้อมทำงานบริการสังคม 36 ชั่วโมง โดยอบรมความรู้เกี่ยวกับกฎหมายจราจรและความปลอดภัยบนท้องถนน และการป้องกันอุบัติเหตุจากเมาแล้วขับ 4 ครั้ง เพื่อสร้างความตระหนักจากการฝ่าฝืนกฎหมายจราจร

“ผมได้ตักเตือนว่าให้แอนนารีส ใช้ชีวิตระมัดระวังเพราะถือว่ามีชนักปักหลังอยู่ และหากมีกรณีเกิดเหตุซ้ำขึ้นอีกศาลคงไม่เมตตาเมื่อครั้งที่ผ่านมา หวังว่าแอนนาจะทำตามเงื่อนไขที่ศาลสั่ง หากแอนนาไม่สามารถทำได้ก็คงต้องถูกศาลสั่งลงโทษหนักกว่าครั้งที่ผ่านมา ถือว่าแอนนาผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก เพราะอายุ 29 ปีแล้วก็ต้องวิเคราะห์ตัวเองได้แล้วว่าทำไมถึงเกิดปัญหาที่ผ่านมา แม้ว่าศาลจะไม่มีคำสั่งห้ามดื่มสุราก็ตาม จากนี้หวังว่าจะเป็นกำลังใจและเป็นคนดีของสังคมได้” พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าว

น.ส.แอนนา กล่าวว่า มารายงานตัวกับอธิบดีกรมคุมประพฤติ โดยจะบำเพ็ญทำงานบริการสังคมเป็นเวลา 36 ชั่วโมงกับมูลนิธิปอเต็กตึ๊ง ในกรอบเวลา 1 ปี จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เกิดบทเรียนว่าคนดื่มสุราอาจควบคุมตัวเองได้แต่ในความจริงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จึงต้องดื่มในสถานที่ควบคุมตัวเองได้ เช่น ดื่มในบ้านพัก เพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อน

“แอนนาอาจจะไม่เหมือนหลายคนต้องทำความเข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงมีพฤติกรรมแบบนี้แล้วทำไมเกิดเหตุซ้ำ ซึ่งไม่ใช่แค่วันเกิดเหตุแล้วไม่เป็นอะไร เพราะมันกระทบภาพลักษณ์ ภาพพจน์ ทั้งหมด ซึ่งมีผลกับตัวเราด้วย” น.ส.แอนนา กล่าวและว่า ยอมรับว่าตอนนี้ยังมีการดื่มบ้างเล็กน้อย แต่หลังจากนี้จะดื่มเฉพาะเวลาพักผ่อนในบ้านเพื่อความผ่อนคลาย แต่ถ้าออกไปสนุกสนานนอกบ้านแล้วดื่มคงทำไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.แอนนารีส เคยก่อเหตุขับรถชนคนตายเมื่อปี 2558 ศาลตัดสินจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี

 

ที่มา : มติชนออนไลน์