องค์กรสิทธิฯ ทำจดหมายเปิดผนึก ขอให้ปล่อย ฮาคีม และไม่ส่งกลับบาห์เรน จี้อัยการถอนฟ้อง

REUTERS/Athit Perawongmetha

องค์กรสิทธิมนุษยชน และกลุ่มนักกฎหมาย และนักสิทธิมนุษยชน ทำจดหมายเปิดผนึก ขอให้พิจารณาปล่อยตัวนายฮาคีม อัล-อราบี และไม่ส่งกลับไปเผชิญอันตรายยังประเทศบาห์เรน ความว่า สืบเนื่องจากทางการไทยได้จับกุมตัวนายฮาคีม อาลี โมฮัมหมัด อาลี อัล อาไรบี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน ไว้ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย.2561

หลังจาก ที่ฮาคีมและภรรยาเดินทางมาประเทศไทยเพื่อท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็นการจับกุมตามหมายแดง (Red Notice) ของตำรวจสากล (INTERPOL) ซึ่งเป็นการออกตามคำขอของทางการบาห์เรน ต่อมาหมายจับดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไป เนื่องจากขัดกับนโยบายของตำรวจสากล ที่ห้ามการออกหมายจับของรัฐบาลต่อผู้ลี้ภัย ที่หลบหนีการประหัตประหารมาจากประเทศที่ขอออกหมายจับ

หลังจากการถูกจับกุมนายฮาคีมถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตามคำสั่งของศาลอาญา มาตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.61 จนกระทั่งปัจจุบัน เมื่อวันที่ 4 ก.พ.62 ที่ผ่านมา ศาลอาญาเบิกตัวเขามาสอบถามความยินยอมส่งตัวกลับประเทศบาห์เรนเป็นผู้ร้ายข้ามแดนตามคำร้องของพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุดที่ได้ร้องขอให้ศาลส่งตัวเขากลับประเทศบาห์เรนตามคำขอของประเทศบาห์เรน ซึ่งนายฮาคีมได้คัดค้านคำร้องดังกล่าว

โดยทีมทนายความของเขาได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำคัดค้านออกไป 60 วัน ในการเบิกตัวเขามาศาล ปรากฏภาพตามสื่อมวลชนว่าเขาได้ถูกพันธนาการด้วยการใส่เครื่องพันธนาการที่เท้า ซึ่งเข้าข่ายเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทั้งที่เขาไม่ได้เป็นอาชญากรร้ายแรง เป็นเพียงผู้ลี้ภัยและไม่ได้กระทำความผิดใดๆ ในประเทศไทย

องค์กรที่มีรายชื่อแนบท้ายจดหมายเปิดผนึกนี้ เห็นว่า 1. ทางการไทยควรพิจารณาไม่ส่งตัวนายฮาคีมกลับไปยังประเทศบาห์เรน มีเหตุผลทางกฎหมาย และหลักการสิทธิมนุษยชนอย่างน้อย 2 ประการ คือ 1.1 ตามหลักทั่วไปในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 ของไทย กำหนดไว้ชัดเจนว่า การส่งผู้ร้ายข้ามแดนต้องมิใช่ความผิดที่มีลักษณะทางการเมือง

เมื่อปรากฏว่ากรณีนี้ นายฮาคีมถูกดำเนินคดีในประเทศบาห์เรนท์อันเป็นผลมาจากข้อกล่าวหาที่เกี่ยวพันธ์กับการเคลื่อนไหวคัดค้าน หรือวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลบาห์เรน แม้เขาจะถูกกล่าวหาในความผิดฐานอื่นด้วย แต่ข้อหาดังกล่าวก็เกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับความผิดที่มีลักษณะทางการเมือง ดังนั้นย่อมไม่อยู่ในข่ายที่จะส่งตัวเขาในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ตามคำขอของรัฐบาลบาห์เรนได้

Advertisment

1.2 ประเทศไทยผูกพันตามหลักการห้ามผลักดันกลับ (Non-Refoulement) ซึ่งเป็นหลักการสำคัญ ทั้งในกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศที่เรียกร้องให้ไม่ส่งกลับผู้แสวงหาที่ลี้ภัยและต้องไม่ขับไล่หรือผลักดันกลับออกไป หรือส่งบุคคลไปยังอีกรัฐหนึ่ง เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้นจะตกอยู่ภายใต้อันตราย มีความเสี่ยงอย่างแท้จริงว่าจะถูกประหัตประหาร ถูกทรมาน หรือได้รับการปฏิบัติที่โหดร้าย หรือถูกคุกคาม เอาชีวิต

รวมทั้งอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ ซึ่งประเทศไทยเป็นรัฐภาคี ยังห้ามไม่ให้รัฐบาลส่งบุคคลกลับ หรือส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศใดๆ กรณีมีเหตุอันน่าเชื่อถือว่าบุคคลนั้นจะได้รับอันตรายจากการทรมาน

Advertisment

ดังนั้น เมื่อปรากฏว่านายฮาคีมเคยถูกซ้อมทรมานและถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรมในประเทศบาห์เรนมาแล้ว จึงมีเหตุอันควรเชื่อหรือความเสี่ยงที่หากเขาถูกส่งตัวกลับไป อาจจะถูกซ้อมทรมานหรือปฏิบัติที่โหดร้ายเช่นเดิมได้

2.การให้ความคุ้มครองตามหลักประกันการพิจารณาคดีอย่างเป็นแก่นายฮาคีม ในระหว่างรอการนัดพิจารณาคำร้องขอส่งตัวนายฮาคีมตามพ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่จะมีขึ้นในเดือนเม.ย.62 นี้ อย่างน้อยกระบวนการยุติธรรมไทยควรเคารพและคุ้มครองสิทธิของเขาในการที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม

โดยเฉพาะสิทธิที่จะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว และสิทธิที่จะได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่ปฏิบัติต่อเขาเสมือนเป็นผู้กระทำความผิด อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคลผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา ซึ่งถูกรับรองไว้ในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ข้อ 9 และ 14 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 29

องค์กรที่มารายชื่อแนบท้ายจดหมายเปิดผนึกนี้ จึงมีข้อเรียกร้องต่อกรณีดังกล่าว ดังต่อไปนี้

1. เพื่อลดผลกระทบที่อาจมีเพิ่มขึ้นแก่นายฮาคีมและเป็นการคุ้มครองสิทธิที่จะได้รับการสันนิฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ของเขา ควรมีการพิจารณาเรื่องการปล่อยชั่วคราวของเขาในระหว่างรอการพิจารณา หรือควบคุมตัวในรูปแบบอื่นที่มีผลกระทบน้อยกว่า

2. ปัจจุบันกรณีของนายฮาคีมจะอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลในคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน องค์กรในกระบวนการยุติธรรมจึงมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะพนักงานอัยการซึ่งมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของบุคคล

อาจจะพิจารณาใช้อำนาจตามมาตรา 21 แห่งพ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 ถอนฟ้องคดีเพราะจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ และองค์กรตุลาการ ควรพิจารณาคดีโดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน และหลักการไม่ส่งกลับ เพราะกรณีนี้มีหลักฐานที่ระบุได้ว่าเป็นการขอส่งตัวกลับในความผิดที่มีลักษณะทางการเมืองและเสี่ยงที่ผู้ถูกส่งตัวกลับจะเผชิญกับอันตรายดังที่เคยได้รับ

3. รัฐบาลไทยต้องไม่ดำเนินการหรือสนับสนุนการส่งกลับนายฮาคีมไปเผชิญอันตรายยังประเทศผู้ร้องขอ และปล่อยให้เดินทางกลับไปยังประเทศออสเตรเลีย

 

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์