“อากู๋ แกรมมี่” เปลี่ยนไป!! นั่งสมาธิตามหลวงพ่อชา ลดอารมณ์ร้อน ขี้โมโห มีสติขึ้น

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ในนิทรรศการศิลปะการ์ตูน 72 ปี โดยอรุณ วัชระสวัสดิ์ “ล้อธรรม” ณ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ ได้ถูกจัดขึ้นอีกครั้ง และในช่วงที่มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติทางสังคมและความคิด พูดคุยในหัวข้อ “คำถามร่วมสมัย กับพระไพศาล วิสาโล” โดย “หนุ่มเมืองจันท์” สรกล อดุลยานนท์, ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา และเคน นครินทร์ วนกิจไพบูลย์บรรณาธิการบริหาร The Standard

ซึ่งระหว่างนั้น “อากู๋-ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม” แม่ทัพใหญ่ของอาณาจักร “จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่” ได้มีการส่งคลิปวีดิโอมาเพื่อถามถึงการนั่งสมาธิกับ “พระอาจารย์ไพศาล”

โดย “อากู๋-ไพบูลย์” กล่าวว่า ตามปกติตนจะเป็นคนที่สนใจเรื่องของการดูแลสุขภาพร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นวิ่ง ว่ายน้ำ ยกน้ำหนัก เรียกได้ว่าฟิตร่างกายอยู่สม่ำเสมอแทบทุกวันจนเป็นนิสัย และในแต่ละวันจะใช้เวลาในส่วนนี้ไป 2 ชั่วโมงบ้าง 3 ชั่วโมงบ้าง แล้วแต่โอกาสซึ่งทำมา 30 กว่าปี อย่างที่ตนเคยบอกกับบรรดาเพื่อน ๆ ว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่ตนนั้นจะพยายามไม่ให้เจ็บ อยากให้เป็น เกิด แก่แล้วตายเลย ในเรื่องของการออกกำลังกายนั้นส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี เป็นสิ่งที่ทำให้ตัวเองสบายตัว และเป็นพฤติกรรมที่อยากเชิญชวนให้หลาย ๆ คนได้ลองเอาจริงเอาจังกับร่างกายตัวเอง

“อากู๋-ไพบูลย์” กล่าวว่า พอร่างกายแข็งแรงก็อยากที่ฝึกจิตใจให้เข้มแข็งตามไปด้วย กระทั่งลูกสาวส่งคลิปวีดีโอธรรมะของหลวงพ่อชามาให้ เมื่อเปิดฟังแล้วรู้สึกศรัทธา เลื่อมใสมาก ท่านสอนเรื่องของการนั่งสมาธิ และบอกว่าไม่ต้องไปค้นหาตำรา ไม่ต้องไปอ่านคัมภีร์อะไรมากมาย ให้ปฏิบัติเลย ฝึกเลย คือให้นั่งสมาธิให้ตัวเองด้วยความตื่นรู้ พยายามให้สมองพักผ่อน ให้สมองนิ่ง ถ้าความคิดเพ่นพ่านต้องรีบดึงกลับมา สังเกตลมหายใจตัวเองให้แน่วแน่ ลองฝึกไปเรื่อย ๆ แล้วจะค่อย ๆ เข้าใจเองจะรู้สึกเอง

ในช่วงแรกเริ่มนั้นไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่นัก แต่ต่อมาก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนรู้สึกถึงลมหายใจตัวเองที่มีอยู่ คือการตื่นรู้ ลมหายใจเบาบางลงไปมาก เบาบางจนกระทั่งรู้สึกถึงความสบายตัว หลังจากที่นั่งไปได้ประมาณ 40 นาที ถึง 1 ชั่วโมงต่อครั้ง

“ผมรู้สึกว่าหลังจากที่เพียรพยามนั่งสมาธินั้น ทุกสิ่งทุกอย่างในตัวผมเปลี่ยนแปลงไปเยอะ จากเรื่องที่เคยอารมณ์ร้อน ใจร้อน ขี้โมโห ขี้หงุดหงิด ผมเบาบางลง ยับยั้งช่างใจได้เยอะ ได้ยิน ได้ฟังคนรอบข้างพูดได้มากขึ้น อดทนขึ้น มีสติ นับได้ว่าเป็นสติปัญญามาจากสมธิจริง ๆ รู้สึกดี รวมไปถึงคนรอบข้าง ครอบครัว เพื่อนฝูง ลูกน้อง ทุกคนต่างมีความรู้สึกว่าผมน่าจะพัฒนาตัวเองได้ดีขึ้น ส่วนตัวเองก็รู้สึกว่าตัวเองมั่นคงขึ้น เพราะไม่ใจร้อน มีสติ”

และ “อากู๋-ไพบูลย์” ยังได้ตั้งคำถามต่อพระอาจารย์ว่า ในเวลานั่งสมธิตนมักจะคำนึงถึงเรื่องระยะเวลา ซึ่งอยากให้เวลานั่งนานขึ้น ซึ่งเดิมทีขณะนั้งขาจะชาเร็วมาก แต่ตอนนี้ชาน้อยลง แต่ก็คงยังชาอยู่ ดังนั้นควรจะฝืนไปหรือไม่ แต่ตนรู้สึกว่าการคาดหวังให้เวลามันยาวขึ้นนั้น เป็นเรื่องถูกหรือผิด? จึงอยากเรียนถามให้พระอาจารย์ช่วยให้คำแนะนำ

ขณะที่ “พระอาจารย์ไพศาล” ได้ให้คำตอบในเรื่องดังกล่าวว่า  การภาวนาถ้าเรามีระยะเวลาก็จะเป็นข้อดี ที่จะทำให้เราไม่ว่าจะเบื่อ จะเซ็ง อย่างไรก็จะไม่เลิกเร็ว แต่ข้อเสียของการที่เรากำหนดเวลา คือจะทำให้เรา พะวง และคนที่กำหนดเวลา เช่น ครึ่งชั่วโมง หรือ 40 นาทีนั้น พอถึงจุดหนึ่งมันจะคอยถามว่า เมื่อไหร่? ถึงเวลาหรือยัง? ทำให้ใจไปอยู่ที่อนาคต เปรียบเสมือนการเดินทางที่ใจมัวแต่ถามว่าเมื่อไหร่จะถึง เมื่อไหร่จะถึง มันจะทำให้รู้สึกเครียด แต่ถ้าเราไม่พะวงก็จะมีความสุขกับการเดินทาง การนั่งมาธิก็เช่นกัน ถ้าใจเราอยู่กับปัจจุบันเราก็จะอยู่กับมันได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตามจะนั่งแบบกำหนดเวลาก็ย่อมได้ และเป็นเรื่องที่ดีสำหรับมือใหม่ แต่ว่าต้องรู้เท่าทันเมื่อใดก็ตามที่ใจมันนึกถึงกำหนดเวลา ก็ให้ถอนใจกลับมาอยู่กับปัจจุบัน