ศบค. รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ วันนี้ (23 พ.ย.) เพิ่มอีก 7 ราย

ศูนย์ข้อมูล โควิด – 19 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 7 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกรวมจ่อ 59 ล้านรายแล้ว 

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 ที่เฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานยอดผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 โดยระบุว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่เดินทางมาจากประเทศ  และเข้า State Quarantine ได้แก่ ประเทศเยอรมนี 1 ราย เลบานอน 1 ราย เดนมาร์ก 1 ราย สหรัฐอเมริกา 1 ราย สหราชอาณาจักร 1 ราย สาธารณะรัฐคอซอวอ 1 ราย และ กาตาร์ 1 ราย

ส่วนสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลก วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2563 ยอดผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 58,980,059 ราย อาการรุนแรง 103,057 ราย รักษาหายแล้ว 40,763,950 ราย เสียชีวิต 1,393,537 ราย

นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการที่ประเทศไทยได้เข้มงวดมาตรการเฝ้าระวังในพื้นที่แนวชายแดนทั้งในเขต 10 จังหวัดที่ติดกับประเทศเมียนมา และพื้นที่ชายแดนประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีช่องทางธรรมชาติที่อาจเกิดการลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายได้ หลังพบว่าทั้ง 2 ประเทศมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ทำการสุ่มตรวจหาเชื้อเชิงรุกตามในพื้นที่แนวชายแดนอยู่เป็นระยะ ทำให้สามารถตรวจพบและดักจับผู้ติดเชื้อที่เดินทางข้ามแดนเข้ามาได้อย่างทันท่วงที และส่งผู้ติดเชื้อกลับประเทศต้นทางหรือเข้าสู่ระบบการรักษา ป้องกันการนำเชื้อมาแพร่สู่คนในชุมชน นับเป็นมาตรการสำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทยสามารถควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนยังคงสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่างอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยจากโควิด 19 และโรคระบบทางเดินหายใจอื่นๆ

นายแพทย์โสภณกล่าวต่อว่า เนื่องจากวันหยุดยาว 4 วันที่ผ่านมา ขอให้ทุกคนที่เดินทางกลับจากการท่องเที่ยวเฝ้าระวังสังเกตอาการป่วยของตนเองและคนรอบข้างอยู่เสมอ หากป่วยด้วยอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีอาการระบบทางเดินหายใจ อ่อนเพลีย และอาการเด่นของโรคโควิด 19 ที่องค์การอนามัยโลกระบุ คือ “จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส” ขอให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาทันที

อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด
1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 12,588,661 ราย
2. อินเดีย จำนวน 9,140,312 ราย
3. บราซิล จำนวน 6,071,401 ราย
4. ฝรั่งเศส จำนวน 2,140,208 ราย
5. รัสเซีย จำนวน 2,089,329 ราย

ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 151 จำนวน 3,920 ราย