ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ ยังไม่แนะนำฉีดวัคซีนในเด็ก แม้ติดเชื้อเพิ่ม

เด็ก

ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ ยังไม่แนะนำฉีดวัคซีนในเด็ก แม้อัตราติดเชื้อโควิดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รอข้อมูลประสิทธิภาพ-ปลอดภัยของวัคซีนเพิ่มเติม แนะผู้ใหญ่ใกล้ชิดควรฉีดวัคซีน

วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ลงนามในแถลงการณ์โรคโควิด-19 ในเด็ก (ฉบับที่ 2/2564) เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 เรื่อง วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สำหรับเด็ก

แถลงการณ์ดังกล่าว มีใจความว่า ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค (1 เม.ย.-15 มิ.ย. 64) พบผู้ป่วยเด็กอายุน้อยกว่า 18 ปี สะสมจำนวน 13,608 ราย คิดเป็นร้อยละ 7.8 จากผู้ป่วยติดเชื้อทั้งหมดที่มีอยู่ 173,401 ราย และพบผู้ป่วยเด็กเสียชีวิตจากโควิด 4 ราย คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 0.03 ทั้งหมดเป็นผู้มีโรคประจำตัว

จากการติดตามข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิด-19 จนถึงวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 พบผู้ป่วยเด็กติดเชื้อเพิ่มอย่างรวดเร็ว เป็น 33,020 ราย โดยมีอัตราส่วนของเด็กติดเชื้อสูงขึ้นเป็นร้อยละ 13.2 ของผู้ติดเชื้อทุกกลุ่มอายุการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของเด็กติดเชื้อโควิด-19 ในระยะเวลา 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมา สะท้อนถึงการระบาดในชุมชนและครอบครัวที่ยังควบคุมไม่ได้และมีแนวโน้มสูงขึ้น อย่างไรก็ดีพบว่าเด็กส่วนที่ป่วยส่วนใหญ่ติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย

ขณะที่ปัจจุบันวัคซีนป้องกันโควิด ที่มีข้อมูลรับรองถึงประสิทธิภาพความปลอดภัยในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป มีเพียงชนิดเดียว ได้แก่ วัคซีนชนิด mRNA ยี่ห้อไฟเซอร์ ซึ่งได้รับการรับรองใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2564

อย่างไรก็ตาม มีรายงานการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบภายหลังการฉีดในอัตราที่ต่ำมาก (8 ต่อ 1 ล้านคนที่ฉีด) ซึ่งมักพบในเพศชายอายุน้อยกว่า 30 ปี และพบภายหลังการฉีดเข็ม 2 มากกว่าเข็มแรก โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่หายกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ แต่ยังต้องเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์และติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด

ทั้งนี้ วัคซีนไฟเซอร์ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การอาหารและยาประเทศไทยให้ใช้ในอายุ 12 ปีขึ้นไป เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2564 ส่วนการนำเข้ายังอยู่ระหว่างดำเนินการ

สำหรับวัคซีนซิโนแวค แม้จะมีการใช้ในประเทศจีนในเด็กอายุ 3-17 ปี จากการศึกษาวิจัยในระยะที่ 1 และ 2 พบว่า กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี แต่ยังไม่มีข้อมูลเรื่องของประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 ในเด็กกลุ่มนี้ขณะนี้ ยังมีการศึกษาวิจัยวัคซีนอีกหลายชนิดในผู้ป่วยเด็กกลุ่มอายุต่าง ๆ ลงไปจนถึงอายุ 6 เดือน ซึ่งน่าจะมีข้อมูลด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยเพิ่มเติมในอีกไม่ช้า

ในภาพรวมยังพบการติดโรคโควิดในเด็กน้อยกว่าผู้ใหญ่ และผู้ป่วยเด็กมักมีอาการไม่รุนแรง ดังนั้น ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ จึงมีความเห็นสอดคล้องกับองค์การอนามัยโลก โดยที่ยังไม่จัดให้เด็ก ปกติที่มีสุขภาพดีเป็นกลุ่มที่มีลำดับความสำคัญในอันดับต้นในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ณ ขณะนี้

ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ ระบุว่า ยังไม่แนะนำให้นำวัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กทั่วไปที่แข็งแรงดีในขณะนี้จนกว่าจะมีวัคซีนที่มากขึ้น และมีข้อมูลเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในเด็กเพิ่มเติม

พร้อมแนะนำให้ฉีดวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขรับรองให้ใช้ในเด็ก ในกรณีที่ผู้ป่วยเด็กที่มีโรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงของโรคโควิด-19 รุนแรง เช่น โรคอ้วน โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคเลือดสมอง โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ และโรคเบาหวาน เป็นต้น และแนะนำให้ผู้ใหญ่ ที่ใกล้ชิดรับวัคซีนด้วย

ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ขอสนับสนุนให้มีการใช้มาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ในชุมชนอย่างเข้มงวด และการให้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงแก่ผู้ใหญ่ เพื่อคุ้มครองเด็กซึ่งยังไม่ได้รับวัคซีนในขณะนี้