สธ.ตรวจพบ ATK เข้าข่ายป่วยเพิ่มกว่า 5 พันราย หญิงท้องตายอีก 3 คน

พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์-ศบค.
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์

ศบค.เผยวันนี้พบหญิงท้องเสียชีวีตเพิ่มอีก 3 ราย ตายคาบ้าน 1 ราย ยอดฉีดวัคซีนล่าสุดอยู่ที่ 29.50 ล้านโดส วานนี้ทำสถิติฉีดสูงสุด 6.6 แสนโดส ขณะที่กรมควบคุมโรคพบผลตรวจ ATK เข้าข่ายติดเชื้อเพิ่ม 5,066 ราย รวมยอดสะสม 69,164 ราย ไฟเขียวคลายล็อกเฟสแรก มีผล 1 ก.ย.นี้

วันที่ 27 สิงหาคม 2564 แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า วันนี้สถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศ ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 มีผู้ป่วยรายใหม่ 18,501 ราย หายป่วยแล้ว 896,195 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,110,708 ราย และเสียชีวิตสะสม 10,493 ราย

ส่วนข้อมูลสะสมตั้งแต่ปี 2563 มีผู้หายป่วยแล้ว 943,784 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,139,571 ราย และเสียชีวิตสะสม 10,587 ราย

ยอดป่วยหนักยังเพิ่ม-เจอผลตรวจ ATK กว่า 5 พันราย

โดยมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่จำนวน 185,200 ราย อยู่ในรพ. 22,528 ราย รพ.สนามและอื่นๆจำนวน 162,672 ราย ในจำนวนนี้มีอาการหนัก 5,154 ราย ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 1,082 ราย ทั้งนี้ยอดผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาลมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ยอดผู้ป่วยในโรงพยาบาลสนามและอื่นๆ มีจำนวนเพิ่มขึ้น

Advertisment

ด้านกรมควบคุมโรครายงานว่า วันนี้มียอดผู้ติดเชื้อเข้าข่าย ATK(ผลตรวจเป็นบวก) จำนวน 5,066 ราย รวมสะสม 69,164 ราย ซึ่งยอดผู้ตรวจ ATK ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่กทม. และไม่ได้นำไปรวมกับยอดของผู้ติดเชื้อรายวัน

ฉีดวัคซีนแล้ว 29.5 ล้านโดส

สำหรับผู้ขอรับการฉีดวัคซีน ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2564 มีผู้รับการฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 จำนวน 400,618 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 263,299 ราย และเข็มที่ 3 จำนวน 5,272 ราย และระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 26 สิงหาคม 2564 มีผู้รับวัคซีนสะสมทั้งหมด จำนวน 29,504,769 โดส

Advertisment

ส่วนสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลก ณ วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2564 เวลา 10.00 น. มียอดผู้ติดเชื้อรวม 215,477,312 ราย อาการรุนแรง 112,680 ราย รักษาหายแล้ว 192,657,649 ราย และเสียชีวิต 4,488,570 ราย

อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด อันดับหนึ่งยังเป็นสหรัฐอเมริกา จำนวน 39,342,153 ราย 2.อินเดีย จำนวน 32,602,325 ราย 3.บราซิล จำนวน 20,676,561 ราย 4.รัสเซีย จำนวน 6,824,540 ราย 5.ฝรั่งเศส จำนวน 6,693,019 ราย

ส่วนประเทศไทยยังอยู่ในอันดับที่ 31 ของโลก จากจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,139,571 ราย

10 จังหวัดติดเชื้อ กทม.ยังนำโด่ง

สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันนี้ อันดับ 1 ยังเป็นกรุงเทพมหานคร(กทม.) 4,699 ราย รวมยอดสะสม 263,854 ราย รองลงมาเป็นสมุทรปราการ 1,220 ราย ชลบุรี 1,064 ราย สมุทรสาคร 894 ราย นนทบุรี 586 ราย ปทุมธานี 525 ราย นครราชสีมา 497 ราย ราชบุรี 485 ราย ระยอง 475 ราย อยุธยา 465 ราย

พบหญิงท้องเสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย-ตายคาบ้าน 1 ราย

ส่วนผู้เสียชีวิตจำนวน 273 รายวันนี้ เป็นชาย 148 ราย หญิง 125 ราย เป็นคนไทย 268 ราย เมียนมา 5 ราย ค่ามัธยฐานของอายุอยู่ที่ 66 ปี(19-101ปี) อยู่ในกทม.มากที่สุด 85 ราย รองลงมาเป็นกลุ่มจังหวัดปริมณฑลรวม 76 ราย ที่เหลือกระจายไปอีกหลายจังหวัด

ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 178 ราย คิดเป็น 66% และอายุน้อยกว่า 60 ปี แต่มีโรคเรื้อรังจำนวน 48 ราย คิดเป็น 18% รวม 2 กลุ่มนี้คิดเป็น 84% โดยปัจจัยเสี่ยงยังคงมาจากโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจ โรคอ้วน โรคไต เป็นต้น

และในจำนวนผู้เสียชีวิตวันนี้ยังมีหญิงตั้งครรภ์ด้วย 3 ราย อยู่จังหวัดปัตตานี 2 ราย ปทุมธานี 1 ราย และมีผู้เสียชีวิตที่บ้าน 1 ราย อยู่ที่จังหวัดสระบุรี (ตามตาราง)

ขณะที่สัดส่วนผู้ติดเชื้อในภาพรวมของประเทศ เปรียบเทียบกับพื้นที่ต่างจังหวัด และพื้นที่กทม.และปริมณฑล พบว่าวันนี้ยอดของกราฟปักหัวขึ้นจากวานนี้ โดยในพื้นที่ต่างจังหวัดพบผู้ติดเชื้อ 10,089 ราย คิดเป็น 55% และในกทม.และปริมณฑล 8,262 ราย คิดเป็น 45%

“วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ยอดจำนวนผู้ติดเชื้อเล็กกว่าจำนวนผู้หายป่วย โดยยอดผู้ป่วยวันนี้ 18,7021 ราย หายป่วย 20,163 ราย ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 273 คน มีผู้ปjวยต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 1,082 ราย ยอดฉีดวัคซีนวานนี้อยู่ที่ 669,189 โดส เป็นอีกหนึ่งวันที่ตัวเลขสูงสุด ทำให้ยอดรวมทั้งประเทศอยู่ที่ 29.50 ล้านโดส” แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าว และว่า

แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าวว่า ในส่วนของการประชุมของศบค.ชุดใหญ่วันนี้ได้พิจารณามาตรการในหลายประเด็น และครั้งนี้ไม่มีการปรับพื้นที่สี แต่มีการปรับมาตรการการควบคุมโรคที่เข้มงวด มีการอนุญาตให้เปิดกิจการ กิจกรรมเพิ่มเติม ตามความพร้อมและความจำเป็น ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้ใกล้เคียงกับปกติมากที่สุด

รวมทั้งพิจารณารอบด้านทั้งเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งมีการนำเสนอมาตรการที่มาจากผู้ประกอบกิจการต่างๆ ทั้งสมาคมผู้ค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า สมาคมภัตตาคารไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้ประกอบการต่างๆ (คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่) หรือ ท้ายข่าว