หมอยงเทียบสูตรฉีดเข็มกระตุ้นในไทย ชนิด mRNA-เชื้อตาย-ไวรัลเวกเตอร์

หมอยง

หมอยง เผยข้อมูลฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในไทย เทียบชนิด mRNA เชื้อตาย และไวรัลเวกเตอร์ 

วันที่ 2 มกราคม 2565 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ถึงข้อมูลสูตรต่าง ๆ ของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในการฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 ของประเทศไทย

ศ.นพ.ยง ระบุว่า วัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 จะใช้วัคซีนชนิด mRNA และไวรัลเวกเตอร์ เช่น ไฟเซอร์ (Pfizer), โมเดอร์นา (Moderna) และ แอสตร้าเซนเนก้าา (Aztrezeneca) โดยข้อมูลการกระตุ้นด้วยวัคซีน mRNA ในสูตรต่าง ๆ ของประเทศไทยที่ใช้ เช่น วัคซีนชนิดเชื้อตาย 2 เข็ม ได้แก่ ซิโนฟาร์ม + ซิโนฟาร์ม, ซิโนแวค + ซิโนแวค, ซิโนแวค + แอสตร้าเซนเนก้า และ แอสตร้าเซนเนก้า + แอสตร้าเซนเนก้า

สูตรดังกล่าว เป็นสูตรหลักที่ใช้ในประเทศไทย เป็นการศึกษาทางคลินิกที่มีการบันทึกอาการข้างเคียงอย่างละเอียด และกำหนดให้การฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ต้องห่างจากการกระตุ้นเข็มที่ 3 ที่ 5-7 เดือน โดยผู้ที่ฉีดวัคซีนทุกรายมีอายุเกิน 18 ปีขึ้นไป มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง

ข้อจำกัดของการศึกษานี้กลุ่มแอสตร้าเซนเนก้า + แอสตร้าเซนเนก้า อายุจะสูงกว่ากลุ่มอื่นตามสถานการณ์จริงของประเทศไทย การศึกษานี้จะตรวจเลือดก่อนฉีดเข็มกระตุ้น หลัง 2 สัปดาห์ และ 4 สัปดาห์ และวางแผนที่จะติดตามที่ 90 วันหลังเข็ม 3 อีก 1 ครั้ง

การศึกษาวัคซีน mRNA ฉีดเป็นเข็มกระตุ้น

การใช้วัคซีน mRNA ในประเทศไทยส่วนใหญ่จะใช้เป็นเข็มกระตุ้น เพราะได้ฉีดวัคซีนชนิดอื่นมาแล้วเป็นจำนวนมาก ส่วนการกระตุ้นด้วยแอสตร้าเซนเนก้า ในกลุ่มที่ฉีดสูตรซิโนแวค + ซิโนแวค + แอสตร้าเซนเนก้า  ได้มีการตีพิมพ์แล้ว ส่วนสูตรซิโนแวค + แอสตร้าเซนเนก้า + แอสตร้าเซนเนก้า และสูตรแอสตร้าเซนเนก้า + แอสตร้าเซนเนก้า + แอสตร้าเซนเนก้า จะนำมาเสนอต่อไป ได้ฉีดให้ในอาสาสมัครไปแล้ว

วัคซีนโมเดอร์นา ที่ใช้เป็นเข็มกระตุ้นในอเมริกา จะให้เพียงครึ่งโดส เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นหลังได้รับวัคซีนไฟเซอร์ โมเดอร์นา หรือจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ที่เป็นไวรัลเวกเตอร์

ในทำนองเดียวกัน ประเทศอังกฤษ ก็ใช้วัคซีนโมเดอร์นา เข็มกระตุ้นตามหลังฉีดแอสตร้าเซนเนก้า ด้วยขนาดครึ่งโดส เพื่อลดอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้น จะเห็นได้ว่า อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อยคือเจ็บบริเวณที่ฉีด ยกแขนไม่ขึ้น ปวดเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ปวดศีรษะ อาเจียน ท้องเสีย และที่สำคัญในเข็มกระตุ้น จะพบการโตของต่อมน้ำเหลืองที่ใต้แขน มากกว่าเข็มที่ 1 และ 2 (ข้อมูลของ US CDC)

ดังนั้นจึงมีการศึกษาขนาดครึ่งโดสด้วย ข้อมูลที่ให้เห็นเบื้องต้นนี้เป็นการวัดระดับภูมิต้านทาน 2 วิธี คือ วัด total immunoglobulin ต่อ RBD หน่วยจะเป็น unit/ml, และ specific IgG ต่อ RBD ของสไปรท์โปรตีน หน่วยจะเป็น BAU/ml

เทียบระดับภูมิ หลังฉีดเข็มกระตุ้นต่อจากวัคซีนเชื้อตาย

การศึกษาในประเทศไทย โดยศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก จุฬา ที่ทำอยู่ แสดงให้เห็นว่าการให้เข็มกระตุ้น ไม่ว่าจะตามหลังวัคซีนเชื้อตายซิโนฟาร์ม + ซิโนฟาร์ม, ซิโนแวค + ซิโนแวค, ซิโนแวค + แอสตร้าเซนเนก้า และ แอสตร้าเซนเนก้า + แอสตร้าเซนเนก้า เข็มมาแล้ว (ดังแสดงในรูปด้านล่าง)

ผลการกระตุ้นได้ภูมิต้านทานที่สูง ในการตรวจทั้ง 2 วิธี สอดคล้องกัน คือการได้รับซิโนแวค + ซิโนแวค มาก่อน การกระตุ้นจะได้ภูมิต้านทานที่สูงที่สุด สูงกว่ากว่าซิโนฟาร์ม + ซิโนฟาร์ม, ซิโนแวค + แอสตร้าเซนเนก้า และจากข้อมูลการกระตุ้นใน กลุ่มซิโนแวค + แอสตร้าเซนเนก้า ยังได้ระดับภูมิต้านทาน เท่าเทียม แอสตร้าเซนเนก้า + แอสตร้าเซนเนก้า อย่างไรก็ตามถ้าดูระดับภูมิต้านทานแล้วทุกกลุ่มก็ยังอยู่ในระดับสูง

ขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลสูตรไฟเซอร์ + ไฟเซอร์ + ไฟเซอร์ (triple P) ในประเทศไทย เพื่อนำมาเปรียบเทียบ (ขณะนี้ได้จำนวนหนึ่งแล้ว) และกำลังศึกษาสูตรแอสตร้าเซนเนก้า + แอสตร้าเซนเนกน้า + แอสตร้าเซนเนก้า หรือที่เรียกว่า triple A อีกด้วย เพื่อให้ได้ข้อมูลทุกกลุ่มที่มีการใช้ในประเทศไทย ส่วนกลุ่มสูตรโมเดอร์นา + โมเดอร์นา + โมเดอร์นา หรือ triple M คงจะหายากหรือต้องรออีกนาน

การให้ mRNA ในขนาดครึ่งโดส โดยเฉพาะโมเดอร์นา ผลที่ได้ไม่ได้แตกต่างกันมากกับการให้ขนาดเต็มโดส เพราะภูมิขึ้นสูงมาก และที่เห็นได้ชัดคืออาการข้างเคียงน้อยกว่า

ระดับภูมิต้านทาน neutralizing antibody (NT) ต่อสายพันธุ์ต่าง ๆ ได้ดำเนินไปมากพอสมควรแล้ว โดยใช้ sVNT หรือไวรัสเทียม และไวรัสจริง สายพันธุ์เดลต้า และโอไมครอน (แยกไวรัสจากผู้ป่วยได้แล้ว และได้ทำไปส่วนหนึ่งแล้วโดย อาจารย์จุฑาทิพย์ และคณะ ที่ศิริราช) และปฏิกิริยาระดับเซลล์ CMIR ก็ได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วน จะแสดงในโอกาสต่อไป รวมทั้งเก็บเม็ดเลือดขาวที่จะศึกษาในทางลึกต่อไป

ในอดีตที่ผ่านมาการศึกษาระดับภูมิต้านทาน มีความสัมพันธ์ที่ดี กับ sVNT ในสายพันธุ์ต่าง ๆ ดังที่ได้มีการเผยแพร่ในวารสารนานาชาติไปแล้ว

ข้อมูลดังกล่าว จะมีการเผยแพร่ในวารสารต่างประเทศต่อไป และจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการบริหารจัดการวัคซีนในประเทศไทย ให้เหมาะสม และเกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับประเทศไทย โดยการศึกษาในประเทศไทย มากกว่าที่จะใช้ข้อมูลจากต่างประเทศ และในขณะเดียวกันก็มีความจำเป็นที่ต้องศึกษาจากสถานการณ์จริง ถึงประสิทธิภาพในการป้องกันโรค