“เทรนด์ไมโคร” ย้ำภัยไซเบอร์ปี”61 พุ่งเป้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ ชู 3 เทคโนโลยี รุกตลาดองค์กร
นางสาวปิยธิดา ตันตระกูล ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาบริษัทเติบโตได้ตามเป้าหมายจากลูกค้าในกลุ่มธุรกิจขนาดกลาง และขนาดใหญ่ เช่น ธุรกิจธนาคาร เป็นต้น และปีนี้ก็ยังมุ่งเน้นทำตลาดในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและองค์กรขนาดใหญ่ โดยเพิ่มทีมอีก 20% และสร้างการรับรู้ถึงความจำเป็นในการให้ความสำคัญกับการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
“การโจมตีไม่ได้ตั้งเป้าที่องค์กรใหญ่ เเต่ลามมาถึงองค์กรขนาดกลาง ดังนั้นธุรกิจจึงควรให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในโลกไซเบอร์มากขึ้น ซึ่งพฤติกรรมขององค์กรส่วนใหญ่ไม่เน้นการป้องกันแต่โดนโจมตีแล้วถึงตระหนักจึงต้องสร้างการรับรู้ และแจ้งข่าวสารให้องค์กรรับรู้ถึงอันตราย”
ปัจจุบันพบว่ามีการโจมตี 350,000 ครั้งในแต่ละวัน เพิ่มขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลัก และปีนี้คาดว่าอาชญากรทางไซเบอร์จะฉลาดขึ้นโดยมีการใช้เทคโนโลยี เอไอ หรือแมชีนเลิร์นนิ่งเข้ามาช่วย
ขณะที่แรนซั่มแวร์ยังรุนแรงเหมือนเดิม ในแต่ละเดือนมีแรนซั่มแวร์ตระกูลใหม่ ๆ เกิดขึ้นถึง 27 สายพันธุ์ สามารถเข้ารหัสเครื่องเอนด์พอยต์เพียงแค่ 60 วินาที ส่วนการโจมตีแบบ BEC (business email compromise) ก็รุนแรง ในปีที่ผ่านมาสร้างความเสียหายให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ กว่า 9 พันล้านเหรียญ และในปี 2561 คาดว่าจะเพิ่มวิธีการใหม่ เช่น การโจมตีแบบ BPC (business process compro-mise)
ส่วนช่องโหว่นั้นมีการค้นพบมากถึง 1,000 รายการ เช่น ช่องโหว่แบบ zero days, ช่องโหว่ที่สัมพันธ์กับระบบ SCADA, และช่องโหว่ในเว็บบราวเซอร์ต่าง ๆ เป็นต้น
นางสาวปิยธิดากล่าวต่อว่า เตรียมนำเสนอเทคโนโลยีด้านการป้องกันภัยรุ่นใหม่ มี 3 กลุ่มเทคโนโลยี ประกอบด้วย connected threat defense หรือ CTD ป้องกันภัยที่เชื่อมโยงและผสานระบบความปลอดภัยต่าง ๆ มากขึ้นกว่าเดิมช่วยให้องค์กรมองเห็นระบบชัดเจนขึ้นทำให้สามารถป้องกัน, ตรวจสอบ, และตอบสนองภัยคุกคามได้ทันท่วงที กลุ่มที่สองเป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องระบบบนคลาวด์ หรือ security on cloud ช่วยปกป้องความปลอดภัยให้ผู้ใช้งานได้ทั้งระบบที่รันบน AWS หรือ Azure และปกป้องลงไปถึงระดับแอปพลิเคชั่น เช่น Office 365 และ google สุดท้ายคือกลุ่มผลิตภัณฑ์จาก TippingPoint ตระกูล TX series หรือ next-gen IPS ทั้งยังได้เสริมเทคโนโลยีและนวัตกรรมการป้องกันเพิ่มเติม เช่น เทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิ่ง นำไปติดตั้งในทุกโซลูชั่นหลัก
