ประธานบอร์ด กสทช.เคาะใช้สิทธิเสนอชื่อ เลขาฯ กสทช.คนใหม่เอง

สรณ บุญใบชัยพฤกษ์
นายแพทย์สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการ กสทช.

บอร์ด กสทช.นัดพิเศษถกเดือด อำนาจประธาน เคาะคุณสมบัติ เลขาธิการ กสทช.คนใหม่ ฟากประธานบอร์ดใช้ดับเบิลโหวตเคาะสิทธิเสนอชื่อเอง

วันที่ 7 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นัดพิเศษ ครั้งที่ 5/2566 เรื่องพิจารณากำหนดคุณสมบัติอื่นของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง “เลขาธิการ กสทช.” ในวันนี้

มีการพิจารณาใน 2 ประเด็นด้วยกัน คือ 1.ประเด็นเกี่ยวกับอำนาจการเสนอชื่อเลขาธิการ กสทช. และ 2.การกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ามาเป็น เลขาธิการ กสทช.

แหล่งข่าวจากสำนักงาน กสทช.เปิดเผยว่า ในประเด็นแรกเกี่ยวกับกระบวนการในการสรรหา โดยประธาน กสทช.ขอหารือเรื่องการใช้อำนาจ ประธาน กสทช.โดยอ้างถึง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 61 ที่ให้ประธานกรรมการ โดยความเห็นชอบของ กสทช. เป็นผู้แต่งตั้ง และถอดถอนเลขาธิการ กสทช.ได้นั้น

ขณะที่ บอร์ด กสทช.อีกบางส่วนมองว่า ให้ดำเนินการสรรหาแบบเดิม โดย กสทช.มีอำนาจในการออกระเบียบหรือประกาศเกี่ยวกับการบริหารงานทั่วไป การบริหารงานบุคคล การงบประมาณ การเงินและทรัพย์สิน และการดำเนินการอื่นของสำนักงาน กสทช. โดยให้รวมถึงการกำหนดตำแหน่ง อัตราเงินเดือน และค่าตอบแทนอื่นของเลขาธิการ กสทช. ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มาตรา 58

ผลปรากฏว่ามีความเห็นแตกเป็นสองฝ่าย ผลโหวตปรากฏว่าคะเเนนเสียงเท่ากัน 3:3 จาก คณะกรรมการ กสทช. 6 คน ในกรณีนี้ ประธานใช้อำนาจโหวตซ้ำ (Double Vote) เพื่อชี้ขาด ได้ข้อสรุป 4:3 ให้ประธานมีอำนาจในการสรรหารายชื่อผู้เหมาะสมกับตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. และเสนอให้บอร์ด กสทช.พิจารณาคัดเลือก

สำหรับในประเด็นที่ 2 เป็นการกำหนดคุณสมบัติของเลขาธิการ กสทช. ซึ่งยึดตามคุณสมบัติเดิมไม่มีการแก้ไข ดังนี้

(ก) เป็นหรือเคยเป็นข้าราชการ หรือพนักงานของหน่วยงานราชการ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ หน่วยงานอื่นของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์การมหาชน ซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองหัวหน้าส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรมหรือตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่ ก.พ. กำหนดเป็นตำแหน่งประเภทบริหารระดับต้น หรือดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองหัวหน้าหน่วยงานหรือรองผู้บริหารระดับสูงสุดของหน่วยงาน

(ข) เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารไม่ต่ำกว่าระดับรองผู้บริหารสูงสุดในสายงานบริหารขององค์กรเอกชนที่เป็นนิติบุคคลที่มีรายได้ทั้งปีไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี ในขณะดำรงตำแหน่ง โดยแสดงเอกสาร
งบการเงิน รายงานประจำปี แผนผังแสดงตำแหน่งของงาน ในปีที่ดำรงตำแหน่งมาแสดงในวันสมัคร

(ค) เป็นหรือเคยเป็นข้าราชการ หรือพนักงานของสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าระดับรองศาสตราจารย์และดำรงตำแหน่งฝ่ายบริหารในระดับไม่ต่ำกว่ารองอธิการบดีหรือเทียบเท่า
ทั้งนี้ การดำรงตำแหน่งตาม (ก) (ข) และ (ค) จะต้องมีระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งและปฏิบัติงานในตำแหน่งนั้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันปิดรับสมัคร” (เอกสารแนบ 1)

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า การพิจารณาใช้คุณสมบัติเดิม เพื่อป้องกันการครหาในเรื่องการแก้คุณสมบัติเพื่อใคร และว่าเป็นอำนาจของประธาน กสทช.ที่จะพิจารณาว่าจะประกาศรับสมัคร หรือ “เชิญ” ให้มาสมัคร เพื่อจะได้ทราบว่ามีใครสนใจตำแหน่งนี้มากน้อยแค่ไหน จากนั้นจะมีการพิจารณาคุณสมบัติราว 7-14 วัน แล้วเสนอให้คณะกรรมการทั้งหมดพิจารณาเพื่อรับรองต่อไป