“บราเดอร์” ผนึกพาร์ตเนอร์ขยายตลาดเมืองรองเต็มสตรีม ลุยจัดแพ็กเกจเฉพาะเจาะลูกค้า SMEs เพิ่มโฟกัสขายออนไลน์ และอัพเกรดงานบริการเชื่อมออนไลน์-ออฟไลน์เพิ่มความสะดวกลูกค้า หวังรักษาเป้าโตปีนี้ที่ 6% สูงกว่าตลาดรวมกว่าเท่าตัว
นายโทโมยูกิ ฟูจิโมโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา (เม.ย. 2560- มี.ค. 2561) ยอดขายบริษัทโต 6% สูงกว่าภาพรวมตลาดเครื่องพิมพ์ที่โต 3% และไทยยังเป็นที่ 1 ในภูมิภาคคิดเป็น 40% นอกจากสิงคโปร์, เวียดนาม, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ส่วนปีนี้คาดว่าตลาดรวมยังโตเท่าเดิม แต่บริษัทตั้งเป้าจะโตไม่น้อยกว่า 6% ด้วยการโฟกัสที่ลูกค้าองค์กร รวมถึงใช้ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งเพิ่มขึ้น ทั้งเพิ่มทักษะใหม่ให้พนักงาน
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
ด้านนายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัทเดียวกัน กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาบราเดอร์เติบโตในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเครื่องพิมพ์ยังสร้างรายได้สูงสุด มีสัดส่วน 85% รองลงมาเป็น จักรเย็บผ้า 10% แต่เติบโตจากปีก่อนถึง 29% ส่วนเครื่องพิมพ์ฉลากสร้างรายได้ 5% โตจากปีก่อน 12%
ขณะที่ตลาดอิงก์เจ็ตเติบโต 4% เป็น 980,000 เครื่อง อิงก์เจ็ตของบราเดอร์ โต 13% ส่วนตลาดเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ลดลง 2% ขณะที่สแกนเนอร์โต 6%
“ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังดี แต่ที่ยอดขายทรงตัว เพราะสินค้าประเภทซิงเกิลฟังก์ชั่นมีคนใช้งานลดลง หันมาใช้มัลติฟังก์ชั่นมากขึ้น”
สำหรับกลยุทธ์ธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะรุกตลาดองค์กรมากขึ้น เน้นเจาะกลุ่มโรงพยาบาลและสถาบันการศึกษา ทั้งขยายไปยังกลุ่มหัวเมืองรอง โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี ซึ่งจะปรับแพ็กเกจสินค้าให้เหมาะสมมากขึ้น
ส่วนตลาดคอมเมอร์เชียลเน้นช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยร่วมกับพาร์ตเนอร์ที่มีช่องทางออนไลน์จึงมีทั้งขายเอง และนำสินค้าไปวางในมาร์เก็ตเพลซของพาร์ตเนอร์ แต่จะไม่ให้เกิดการตัดราคา ปัจจุบันมีดีลเลอร์กว่า 200 ราย
“เราเห็นโอกาสจากที่ภาครัฐพยายามสนับสนุนจังหวัดรอง ทำให้หน่วยงานตื่นตัว เศรษฐกิจในจังหวัดนั้น ๆ น่าจะเติบโต ซึ่งน่าจะมีผู้เล่นเข้ามาหลายราย แต่เรามีจุดแข็งในการเสนอขายเป็นโซลูชั่น และมีบริการหลังการขายครอบคลุม 77 จังหวัด ทั้งยังเรียกออนไซต์เซอร์วิสได้ โดยใช้เวลาการซ่อม 1 ชั่วโมง-2 วัน ในกรณีต้องรออะไหล่”
ปีนี้จะพัฒนาการให้บริการในแบบ “ออมนิแชนเนล” เพิ่มช่องทางติดต่อให้ลูกค้าผ่านโซเชียลและออนไลน์ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการรับบริการ
