สมาร์ทโฟนระดับกลางคึกคัก “หัวเว่ย-เสี่ยวมี่” โหมเพิ่มมาร์เก็ตแชร์

ค่ายมือถือจีนเปิดเกมชิงตลาดสมาร์ทโฟนเต็มสูบ “หัวเว่ย” ดึงฟีเจอร์เด็ดรุ่นไฮเอนด์ลงเครื่องราคาไม่แพง นำร่อง Y9 เจาะตลาดล่างถึงกลางดึงลูกค้าเปลี่ยนเครื่องใหม่ ตั้งเป้าขึ้นเบอร์ 1 ภายในปี 2563 ฟาก “เสี่ยวมี่” เพิ่มน้ำหนักช่องทางออนไลน์โตเท่าตัวจาก 2% เป็น 5% จับมือ “ช้อปปี้” เปิด “ออฟฟิเชียล ช็อป” เพิ่มช่องทางเข้าถึงนักช็อปออนไลน์กว่า 17 ล้านคน

นายทศพร นิษฐานนท์ รองผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า จำนวนโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยมีสัดส่วนต่อประชากรเกิน 100% ทำให้การเติบโตด้านจำนวนไม่มากนัก มียอดขายเฉลี่ย 1.2-1.3 ล้านเครื่อง/เดือน

มือถือชิงตลาดเครื่องทดแทน

ขณะที่มูลค่าตลาดยังเติบโตสูง และเป็นตลาดเครื่องทดแทนเป็นหลัก ไม่ใช่เครื่องแรก ซึ่งโดยเฉพาะผู้บริโภคที่ใช้สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์จะมีการเปลี่ยนเครื่องใหม่โดยเฉพาะ 13 เดือน

นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมาสมาร์ทโฟนกลุ่มล่างที่มีราคาต่ำกว่า 3,000 บาท ติดลบ 29% ขณะที่ราคา 3,000-5,000 บาท เติบโต 24% และ 5,000-7,000 บาท เติบโต 35% ล่าสุดหัวเว่ยเปิดตัว Huawei Y9 2018 ราคา 6,990 บาท เพื่อเจาะตลาดกลุ่มกลาง-บน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่จากพฤติกรรมการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก ทั้งมาพร้อมกล้องคู่ทั้งหน้าและหลัง จอ 5.93 นิ้ว FullView Display มีฟีเจอร์ปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้า และสแกนลายนิ้วมือ ชิป Kirin 659, Octa-core ระบบปฏิบัติการ Android 8.0, EMUI 8.0

“หัวเว่ย” เจาะตลาดกลาง-ล่าง

“ผู้บริโภคยอมจ่ายเงินเพิ่มเพื่อให้ได้นวัตกรรมที่ดีขึ้น ดังนั้นจะเห็นว่ากลุ่มสินค้าราคา 5-7 พันบาท เติบโตเยอะ ปีที่ผ่านมาถึงปีนี้เป็นเทรนด์ของการอัพเกรดเครื่อง ทำให้เครื่องที่มีราคาต่ำกว่าหมื่นจะเติบโตมาก”

และในปีนี้ หัวเว่ยจะนำนวัตกรรมที่มีอยู่ในเครื่องระดับบนมาใส่ในรุ่นล่างมากขึ้น เพื่อดึงดูดผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนเครื่อง และมองว่าตลาดจะคึกคักจากการแข่งขันด้านเทคโนโลยีมากขึ้น โดยบริษัทมีกลุ่มสินค้าครบไลน์ตั้งแต่ 3,290-20,000 บาทขึ้นไป และเน้นช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างให้มากที่สุด โดยได้มีการเปิดออฟฟิเชียลสโตร์ทั้งในลาซาด้า และช้อปปี้ ซึ่งหัวเว่ยจะเริ่มส่งโปรโมชั่นเดียวกับที่ทำในช่องทางออฟไลน์ขึ้นออนไลน์ด้วย และให้พรีออร์เดอร์ผ่านออนไลน์ได้

ชูสเป็กแรกราคาจับต้องได้

“กลุ่มพรีเมี่ยมยังแข่งกันที่นวัตกรรมใหม่ แต่กลุ่มล่างเป็นการนำเอาฟีเจอร์ในสินค้าที่เคยแพงมาลงในราคาที่จับต้องได้ ตรงนี้เป็นกลยุทธ์ของหัวเว่ย เริ่มนำร่องที่รุ่น Y9 นอกจากนี้เรายังศึกษาราคาว่าแบบไหนถึงโดนใจลูกค้า ดังนั้นเรามั่นใจว่าราคาเราแข่งขันกับคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันได้แน่นอน”

นายทศพรกล่าวต่อว่า ในปีที่ผ่านมายอดขายหัวเว่ยเติบโต 3 เท่า ส่งผลให้มาร์เก็ตแชร์เดิมที่มี 10.7% โตขึ้น 3 เท่าด้วย และตั้งเป้าเป็นที่ 1 ด้านจำนวนเครื่องภายในปี 2563

“การแข่งขันในตลาดยังรุนแรง แต่เชื่อว่าคนไทยให้ความสำคัญกับแบรนด์ แม้จะมีแบรนด์เข้าใหม่เยอะ แต่มีไม่กี่แบรนด์ที่อยู่ได้อย่างยั่งยืน”

จอห์น เฉิน ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“เสี่ยวมี่” โหมออนไลน์

นายจอน เฉิน ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เสี่ยวมี่ กล่าวว่า ยอดขายสมาร์ทโฟนผ่านช่องทางออนไลน์ในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งปีที่ผ่านมามียอดขายจากช่องทางออนไลน์ราว 2% และจะเพิ่มสัดส่วนให้มากขึ้นจึงเปิด “ออฟฟิเชียลช็อป” บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ “ช้อปปี้” ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ช่องทางออนไลน์เป็น 5% ในสิ้นปี แต่ยังคงเน้นช่องทางออฟไลน์ ปัจจุบันมีช็อป 4 แห่ง และจะเพิ่มอีก 20 แห่ง รวมถึงเพิ่มคอร์เนอร์ในเชนสโตร์อีก 50 แห่ง

“เราค่อนข้างให้ความสำคัญกับพาร์ตเนอร์ออนไลน์ เพราะไม่ต้องขายผ่านพ่อค้าคนกลาง และสามารถกระจายสินค้าได้ทั่วประเทศ ทั้งยังต้องการเข้าถึงผู้บริโภคให้มากที่สุด โดยจะมีสินค้ารุ่นพิเศษและราคาพิเศษสำหรับช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะด้วย”

โดยได้เปิดตัวสมาร์ทโฟน รุ่น Redmi 5 16 GB เพื่อวางขายแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่ “ช้อปปี้” ราคา 3,590 บาท (จำกัดจำนวน) ส่วนสเป็กเครื่องรุ่นนี้ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 450 แบบ octa-core มาพร้อม dual micro-SIM หน้าจอ 5.7 นิ้ว กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล ติดตั้งระบบไฟหน้าสำหรับเซลฟี

เน้นคุ้มราคาเจาะทุกเซ็กเมนต์

นายจอนกล่าวถึงการทำตลาดในไทยว่า ยังเน้นความคุ้มค่าคุ้มราคา มีสินค้าราคา 2,790-18,000 บาท และให้ความสำคัญกับกลุ่มแฟนคลับ (มี่แฟน) ปัจจุบันมีกว่า 1,000 คน เพื่อให้เกิดการบอกต่อ ตั้งเป้าเป็นที่ 1 ใน 3 ปี เช่นเดียวกับที่ทำได้ในอินเดีย แม้ประเทศไทยจะมีแบรนด์ใหญ่ครองตลาด แต่สินค้ามีราคาสูง ขณะที่เสี่ยวมี่เน้นประสิทธิภาพสินค้า นวัตกรรมใหม่ ๆ ในราคาที่ลูกค้าจับต้องได้ จึงมองว่ามีจุดแข็งแตกต่างกัน

ด้านนายเทอเรนซ์ แพง ประธานฝ่ายปฏิบัติการ “ช้อปปี้” กล่าวว่า ปีที่ผ่านมายอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในไทยมีมูลค่าสูงกว่า 1.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในช้อปปี้ก็เป็น 1 ใน 3 ของสินค้าที่ขายดีที่สุด โดย 6 เดือนที่ผ่านมาโต 50% ความร่วมมือกับเสี่ยวมี่ช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าช้อปปี้กว่า 17 ล้านคนได้ ปัจจุบันให้บริการใน 7 ประเทศ มียอดขายรวม 4.1 พันล้านเหรียญ ปี 2560 จัดแคมเปญ 11.11 และ 12.12 ในไทย ขายสินค้าได้ถึง 2.5 ล้านรายการภายใน 24 ชั่วโมง มากกว่าปี 2559 ถึง 4.5 เท่า