ตลาด Ride Hailing หรือแอปเรียกรถ ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย การเดินทางท่องเที่ยวเริ่มกลับมาเป็นปกติ มีแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจแพลตฟอร์ม “ขนส่งผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์” จากกรมการขนส่งทางบกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ปัจจุบันมีมากถึง 9 แอปพลิเคชั่น แบ่งเป็นแอปพลิเคชั่นเรียกรถ ทั้งแท็กซี่ และรถส่วนบุคคล ได้แก่ Grab, Air Asia Ride, Robinhood Ride, Bolt, Line Man และ InDrive รวมถึงแอปสำหรับให้บริการแท็กซี่โดยเฉพาะ คือ Cabb Drivers ที่ให้ผู้ขับเช่ารถแท็กซี่ทรงคลาสสิก ให้บริการในกรุงเทพฯและปริมณฑล อีกแอป คือ Hello Phuket ให้บริการเรียกแท็กซี่ในพื้นที่ภูเก็ต
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ล่าสุดแอปน้องใหม่ “TADA” เป็นแพลตฟอร์ม Ride Hailing เข้ามาเป็นรายล่าสุด
TADA ไม่ใช่ธรรมดา มีส่วนแบ่งตลาดอันดับสองในสิงคโปร์ มองเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจในประเทศไทยก็ขยับขยายเข้ามาให้บริการในกรุงเทพฯแล้ว หลังเข้ามาทดสอบเมื่อปีที่แล้วจึงตัดสินใจให้ไทยเป็น 1 ใน 4 ประเทศที่เข้ามาบุกตลาด นอกจากมีในสิงคโปร์ เวียดนาม และกัมพูชา
ข้อมูลจาก Statista (อัพเดต ธ.ค. 2566) ระบุว่า ตลาดเรียกรถในประเทศไทยมีแนวโน้มการเติบโต โดยคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดจะสูงถึง 1.43 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2567 มีอัตราการเติบโตต่อปีที่ 7.78% คาดว่าภายในปี 2571 มูลค่าตลาดจะขยับขึ้นไปที่ 1.93 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 16.05 ล้านคน
เดินเกมยาว ไม่เก็บคอมมิชชั่น
“ฌอน คิม” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TADA เปิดเผยว่า มีการตั้งทีมและจดทะเบียนบริษัทในประเทศไทยกลางปี 2566 ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท และทดสอบระบบในปลายปี โดยสร้างกรอบความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับกรมการขนส่งทางบก และสหกรณ์แท็กซี่พันธมิตร ทำให้มีรถโดยสารในระบบ 1.5 หมื่นคัน รองรับการให้บริการในกรุงเทพฯ และในปีนี้จะมีการขยายไปยังมอเตอร์ไซค์ และตามหัวเมืองสำคัญ ๆ ด้วย แต่ต้องมีการสร้างความร่วมมือที่เข้มแข็งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มจำนวนผู้ให้บริการรถยนต์โดยสารด้วย
“หลายคนอาจเคยเห็นแอปเราขึ้นให้ดาวน์โหลด และมีการเปิดใช้มานานแล้ว เพราะมีนักเดินทางนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศที่เคยใช้แอปของเราเดินทางมาที่ไทย เขาก็ได้ลองเปิดใช้ดู และเริ่มมีการใช้งานมากขึ้น แม้ตลาดแอปเรียกรถจะเป็นน่านน้ำสีแดง แต่เราเชื่อว่ายังมีช่องว่างอีกมาก และอัตราการเข้าถึงบริการ Ride Hailing ก็ยังคงต้องเพิ่มขึ้น”
สำหรับกลยุทธ์ที่ใช้ในการแข่งขันจะชูเรื่องความเป็นธรรม จากปัญหาที่ไรเดอร์ และไดรเวอร์ในแพลตฟอร์มอื่น ๆ เผชิญ ที่มักจะมีความห่วงพะวงกับการเร่งรอบขับเพื่อให้มีรายได้เพียงพอ สิ่งนี้ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยจากการไม่ได้พักผ่อน และความเครียดสูง
“เราจึงเชื่อมั่นในโมเดลรายได้ที่เป็นธรรมด้วยแนวคิดไม่เก็บค่าธรรมเนียมหรือ ZERO Commission และไม่บังคับให้คนขับรับงาน ถ้าไม่เครียด การทำงานก็จะดี และสร้างความปลอดภัย และความเชื่อมั่นให้ผู้ใช้งาน”
อย่างไรก็ตาม บริบทและข้อกฎหมายของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน จึงต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานกำกับดูแล เช่น ในประเทศไทย โมเดลธุรกิจของบริษัทจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มตามกฎหมายระบุให้อยู่ที่ 20 บาทสำหรับรถยนต์ ก็จะเก็บแค่นั้น ส่วนค่าโดยสาร คนขับรถก็จะได้เต็มจำนวนโดยที่บริษัทไม่เก็บค่า GP หรือค่าคอมมิชชั่นใด ๆ เพิ่ม
“ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มคนเรียกรถเป็นคนจ่ายในทุกบริการ ดังนั้นในภาพรวมการคำนวณราคาค่าบริการจะลดลงและถูกกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ เพราะไม่ได้คิดเรื่องคอมมิชชั่นในนั้น”
เดินหน้าผนึกพันธมิตร
ถามว่า จะมีเงินรายได้เพียงพอเลี้ยงแพลตฟอร์มให้รอดได้อย่างไร “คิม” กล่าวว่า TADA ดำเนินการในสิงคโปร์ใช้เวลา3-5 ปี ในการทำให้รายได้เติบโต และยืนหยัดได้ ด้วยโมเดลราคาที่เป็นธรรม จึงกลายเป็นแพลตฟอร์มที่มีส่วนแบ่งอันดับสองได้ ก็คาดว่าตลาดในประเทศอื่น ๆ จะใช้เวลาใกล้เคียงกัน ด้วยโมเดลเดียวกัน
“เราระมัดระวังในการขยายบริการ จ้างงานเท่าที่จำเป็น ไม่อยากเติบโตแบบก้าวร้าว ทำให้การบริหารจัดการต้นทุนทำได้ดี ส่วนเป้าปีนี้ยังตอบได้ยากทั้งในส่วนของจำนวนผู้ใช้ และส่วนแบ่งการตลาด เพราะเพิ่งเปิดตัวไม่นานจึงต้องใช้เวลา แต่เชื่อว่าโมเดลความเป็นธรรมที่เป็นจุดเด่นนี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้อุตสาหกรรมได้”
บริษัทแม่ของ TADA คือบริษัท MVLLABS Group จำกัด สตาร์ตอัพด้านเทคโนโลยีที่พัฒนางานหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านบล็อกเชนที่ใช้เพื่อระบบขนส่ง หรือแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้า ONiON ที่นำร่องใช้งานร่วมกับเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือ ซี.พี.กรุ๊ป
โดย MVLLABS มีการระดมทุนในระดับซีรีส์ซีมาแล้ว 125 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะมีการระดมทุนเพิ่มเติมสำหรับธุรกิจพลังงานสะอาด และการขนส่งที่ใช้พลังงานสะอาด
“ปตท.เองก็ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนใน TADA เพียงยังต้องพูดคุยกันอีกมาก เพราะหากมีรายใหญ่อย่าง ปตท.มาลงทุนก็จะต้องมีเงื่อนไขต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับจุดเด่นของเรา และอาจมีความร่วมมือใหม่ ๆ อีกหลายด้าน ยังอยู่ระหว่างพูดคุยในฐานะพาร์ตเนอร์”