สภาล่างสหรัฐ ไฟเขียวกฎหมายแบน “TikTok” แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นจากแดนมังกร เหตุกังวลว่าอาจมีการส่งมอบข้อมูลผู้ใช้ให้ทางการจีน ด้าน “Shou Zi Chew” ซีอีโอ TikTok ลั่น พร้อมทำทุกทางเพื่อปกป้องแพลตฟอร์มและการให้บริการในสหรัฐ
วันที่ 14 มีนาคม 2567 สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า หลังจากสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายที่บังคับให้ “TikTok” แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นสัญชาติจีน ขายหุ้นทั้งหมดในสหรัฐภายใน 6 เดือน มิเช่นนั้นจะต้องเผชิญกับคำสั่งห้ามใช้งานในประเทศ
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
โดยร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านมติด้วยคะแนนเสียง 352 ต่อ 65 เสียง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ก่อนจะส่งไม้ต่อการพิจารณาไปยังวุฒิสภา ที่มีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายฉบับนี้
อย่างไรก็ตาม มติการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว ได้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้ TikTok เป็นจำนวนมาก และในช่วงก่อนการลงคะแนนเสียง ครีเอเตอร์ของ TikTok หลายสิบคนได้รวมตัวประท้วงหน้าศาลาว่าการฯ แสดงความไม่เห็นด้วยต่อข้อบังคับในร่างกฎหมาย
โดยกลุ่มผู้ประท้วงได้ชูป้ายที่ระบุข้อความสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของ TikTok เช่น TikTok changed my life for the better (TikTok เปลี่ยนชีวิตของฉันให้ดีขึ้น) และ TikTok helped me grow my business (TikTok ช่วยให้ธุรกิจของฉันเติบโตขึ้น) เป็นต้น
“โมน่า สเวน” (Mona Swain) หญิงสาววัย 23 ปี ที่เริ่มใช้ TikTok ตั้งแต่ปี 2562 และปัจจุบันเป็นครีเอเตอร์เต็มเวลา กล่าวว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่มีเงินปลดหนี้ให้แม่ และจ่ายค่าเล่าเรียนของพี่ชายและน้องสาวด้วยรายได้จาก TikTok
“การแบน TikTok จะทำให้มีคนตกงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด”
นอกจากนี้ มติของสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐยังทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า ทิศทางการให้บริการของ TikTok ในสหรัฐจะเป็นอย่างไรต่อไป และ TikTok มีแผนการรับมือกับประเด็นนี้อย่างไรบ้าง
“โจว โซว่จือ” (Shou Zi Chew) ประธานเจ้าหน้าที่ TikTok กล่าวผ่านวิดีโอที่เผยแพร่บน TikTok ผ่านบัญชีทางการของ TikTok ว่า หากร่างกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ย่อมส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ TikTok ในสหรัฐกว่า 170 ล้านคน ทำให้การขับเคลื่อนธุรกิจของผู้ประกอบการกว่า 70,000 รายชะลอตัว
เงินหลายพันล้านเหรียฐจะออกจากกระเป๋าของครีเอเตอร์และธุรกิจขนาดเล็ก และตำแหน่งงานกว่า 300,000 ตำแหน่งอยู่ในภาวะเสี่ยง แต่ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องสิทธิการให้บริการและสิทธิการใช้งานของผู้ใช้ทุกคน
รายงานข่าวระบุด้วยว่า TikTok จะใช้สิทธิชะลอการบังคับใช้ร่างกฎหมายดังกล่าว โดยบริษัทมีเวลา 165 วันในการยื่นคัดค้านทางกฎหมาย หลังจาก “โจ ไบเดน” (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐลงนามร่างกฎหมายที่เห็นชอบแล้วทั้งจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
ทั้งนี้ ปมการแบน TikTok ในสหรัฐเริ่มตั้งแต่ยุคสมัยของ “โดนัลด์ ทรัมป์” (Donald Trump) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ หรือประมาณปี 2563 ด้วยเหตุผลที่ว่า TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการโดย “ByteDance” บริษัทแม่สัญชาติจีน มีแนวโน้มที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐ
และต่อให้ TikTok จะกลับมาใช้ได้อีกครั้งจากการถูกแบนครั้งนั้น ก็ยังต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาที่ว่าบริษัทส่งข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐให้กับทางการจีน การเรียกร้องให้จำกัดการเข้าถึงจากหน่วยงานรัฐต่าง ๆ และการจำกัดการเข้าถึงในแต่ละรัฐมาอย่างต่อเนื่อง
ที่ผ่านมา TikTok ได้ชี้แจงถึงความกังวลในประเด็นดังกล่าวว่า บริษัทไม่ได้แบ่งปันและจะไม่แบ่งปันข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐกับรัฐบาลจีน และใช้มาตรการสำคัญในการปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้มาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม มติการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว ยังทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตถึงมาตรการควบคุมแอปสัญชาติจีนอื่น ๆ เช่น WeChat ในเครือเทนเซนต์ (Tencent) ที่ปัจจุบันยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จากบริษัท ไปจนถึงการตั้งคำถามของเหล่าผู้ใช้ว่า กฎหมายฉบับนี้ถือเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกหรือไม่