สหรัฐ vs TikTok : มหากาพย์ “การแบน” ที่ลากยาวมากว่า 4 ปี

tiktok-us
REUTERS/Dado Ruvic

สภาล่างสหรัฐ ไฟเขียวกฎหมายแบน “TikTok” แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นจากแดนมังกร เหตุกังวลว่าอาจมีการส่งมอบข้อมูลผู้ใช้ให้ทางการจีน ด้าน “Shou Zi Chew” ซีอีโอ TikTok ลั่น พร้อมทำทุกทางเพื่อปกป้องแพลตฟอร์มและการให้บริการในสหรัฐ

วันที่ 14 มีนาคม 2567 สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า หลังจากสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายที่บังคับให้ “TikTok” แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นสัญชาติจีน ขายหุ้นทั้งหมดในสหรัฐภายใน 6 เดือน มิเช่นนั้นจะต้องเผชิญกับคำสั่งห้ามใช้งานในประเทศ

โดยร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านมติด้วยคะแนนเสียง 352 ต่อ 65 เสียง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ก่อนจะส่งไม้ต่อการพิจารณาไปยังวุฒิสภา ที่มีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายฉบับนี้

อย่างไรก็ตาม มติการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว ได้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้ TikTok เป็นจำนวนมาก และในช่วงก่อนการลงคะแนนเสียง ครีเอเตอร์ของ TikTok หลายสิบคนได้รวมตัวประท้วงหน้าศาลาว่าการฯ แสดงความไม่เห็นด้วยต่อข้อบังคับในร่างกฎหมาย

โดยกลุ่มผู้ประท้วงได้ชูป้ายที่ระบุข้อความสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของ TikTok เช่น TikTok changed my life for the better (TikTok เปลี่ยนชีวิตของฉันให้ดีขึ้น) และ TikTok helped me grow my business (TikTok ช่วยให้ธุรกิจของฉันเติบโตขึ้น) เป็นต้น

การรวมตัวประท้วงของผู้ใช้ TikTok ที่ไม่เห็นด้วยกับข้อบังคับของร่างกฎหมายควบคุมการให้บริการของ TikTok – REUTERS/Craig Hudson

“โมน่า สเวน” (Mona Swain) หญิงสาววัย 23 ปี ที่เริ่มใช้ TikTok ตั้งแต่ปี 2562 และปัจจุบันเป็นครีเอเตอร์เต็มเวลา กล่าวว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่มีเงินปลดหนี้ให้แม่ และจ่ายค่าเล่าเรียนของพี่ชายและน้องสาวด้วยรายได้จาก TikTok

“การแบน TikTok จะทำให้มีคนตกงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด”

นอกจากนี้ มติของสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐยังทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า ทิศทางการให้บริการของ TikTok ในสหรัฐจะเป็นอย่างไรต่อไป และ TikTok มีแผนการรับมือกับประเด็นนี้อย่างไรบ้าง

“โจว โซว่จือ” (Shou Zi Chew) ประธานเจ้าหน้าที่ TikTok กล่าวผ่านวิดีโอที่เผยแพร่บน TikTok ผ่านบัญชีทางการของ TikTok ว่า หากร่างกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ย่อมส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ TikTok ในสหรัฐกว่า 170 ล้านคน ทำให้การขับเคลื่อนธุรกิจของผู้ประกอบการกว่า 70,000 รายชะลอตัว

เงินหลายพันล้านเหรียฐจะออกจากกระเป๋าของครีเอเตอร์และธุรกิจขนาดเล็ก และตำแหน่งงานกว่า 300,000 ตำแหน่งอยู่ในภาวะเสี่ยง แต่ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องสิทธิการให้บริการและสิทธิการใช้งานของผู้ใช้ทุกคน

รายงานข่าวระบุด้วยว่า TikTok จะใช้สิทธิชะลอการบังคับใช้ร่างกฎหมายดังกล่าว โดยบริษัทมีเวลา 165 วันในการยื่นคัดค้านทางกฎหมาย หลังจาก “โจ ไบเดน” (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐลงนามร่างกฎหมายที่เห็นชอบแล้วทั้งจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา

ทั้งนี้ ปมการแบน TikTok ในสหรัฐเริ่มตั้งแต่ยุคสมัยของ “โดนัลด์ ทรัมป์” (Donald Trump) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ หรือประมาณปี 2563 ด้วยเหตุผลที่ว่า TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการโดย “ByteDance” บริษัทแม่สัญชาติจีน มีแนวโน้มที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐ

และต่อให้ TikTok จะกลับมาใช้ได้อีกครั้งจากการถูกแบนครั้งนั้น ก็ยังต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาที่ว่าบริษัทส่งข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐให้กับทางการจีน การเรียกร้องให้จำกัดการเข้าถึงจากหน่วยงานรัฐต่าง ๆ และการจำกัดการเข้าถึงในแต่ละรัฐมาอย่างต่อเนื่อง

ที่ผ่านมา TikTok ได้ชี้แจงถึงความกังวลในประเด็นดังกล่าวว่า บริษัทไม่ได้แบ่งปันและจะไม่แบ่งปันข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐกับรัฐบาลจีน และใช้มาตรการสำคัญในการปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้มาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม มติการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว ยังทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตถึงมาตรการควบคุมแอปสัญชาติจีนอื่น ๆ เช่น WeChat ในเครือเทนเซนต์ (Tencent) ที่ปัจจุบันยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จากบริษัท ไปจนถึงการตั้งคำถามของเหล่าผู้ใช้ว่า กฎหมายฉบับนี้ถือเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกหรือไม่