ปริชญ์ ลูลู่ เทคโนโลยี ชง SMEs ติดอาวุธด้วย “ดาต้า” อัพขีดความสามารถการแข่งขัน

“ปริชญ์” ลูลู่ เทคโนโลยี ชี้ “AI” เป็นเทคโนโลยีมาเร็ว มาแรง และมาตลอดไป พร้อมชง “เอสเอ็มอี” ไทยเร่งติดอาวุธด้วย “ดาต้า” เพิ่มศักยภาพและความสามารถการแข่งขัน

วันที่ 20 มีนาคม 2567 นายปริชญ์ รังสิมานนท์ ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหาร บริษัท ลูลู่ เทคโนโลยี จำกัด (Looloo Technology) กล่าวในงาน “Prachachat Business Forum 2024” ในหัวข้อ “Unlocked Thailand” ว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่ “มาเร็ว มาแรง และมาตลอดไป”

เมื่อเปรียบเทียบกับนวัตกรรมอื่น ๆ เช่น หลอดไฟที่กว่าจะเกิดการใช้งานในวงกว้าง (Mass Adoption) ต้องใช้เวลา 50-60 ปี แต่ AI กลับมีการใช้งานในวงกว้างอย่างรวดเร็ว เห็นได้จากการใช้งาน ChatGPT ที่มีผู้ใช้มากกว่า 100 ล้านคนในระยะเวลาเพียง 2 เดือน อีกทั้งยังเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทต่อการตัดสินใจ และปฏิวัติความสามารถของมนุษย์

ปริชญ์ รังสิมานนท์

“เรากำลังอยู่ในยุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญมาก ยุคก่อนเราเข้าถึงอินเทอร์เน็ต มีสิทธิใช้ความเห็นเปรียบเทียบข้อมูลบนเว็บไซต์ต่าง ๆ แต่ยุคนี้เรามี AI ช่วยสรุปเนื้อหาให้เสร็จสรรพ”

นายปริชญ์กล่าวด้วยว่า แม้ AI จะเป็นเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับการสร้างโอกาสใหม่ ๆ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับมนุษย์ แต่อีกด้านก็มีความเสี่ยงและความท้าทายที่จะเกิดขึ้นกับคนที่ปรับใช้ AI ไม่ทัน

“ตอนนี้หลายคนรู้สึกว่าอุตสาหกรรมต่าง ๆ มีการใช้งาน AI อย่างรวดเร็ว แต่จริง ๆ แล้วมีการใช้งานจริงเพียง 5% จากความสามารถของเทคโนโลยีเท่านั้น และเป็นการใช้งานแค่กลุ่มบริษัทใหญ่ด้วย หมายความว่าถ้าธุรกิจเล็ก ๆ ยังไม่เริ่มนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ จะทิ้งห่างจากกลุ่มที่ใช้งาน AI เก่งไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็น Winner Takes All.”

แน่นอนว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้เกิดการตั้งคำถามตามมาว่า เอสเอ็มอีจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีอย่างไร ?

“ไม่ว่าเทคโนโลยีจะเปลี่ยนไปแค่ไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมีฐานข้อมูลที่ดี ยุคนี้ผู้ประกอบการต้องรู้จักเก็บดาต้า เพราะ Data is the New Oil. ดาต้าเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามหาศาล และเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เอสเอ็มอีแข่งขันกับบริษัทใหญ่ ๆ ได้

สมมติว่าคุณขายเครื่องดื่มที่ต้องชงแก้วต่อแก้ว พอมีดาต้าก็รู้ว่าเมนูไหนขายดีช่วงไหนก็ชงเตรียมไว้ได้ ลูกค้ามาก็ขายได้เลยไม่ต้องรอ แค่นี้ก็ช่วยให้ประหยัดเวลามาก ๆ แล้ว ถ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มเอาเทคโนโลยีมาใช้ทำธุรกิจอย่างไร ให้เริ่มจากการเก็บดาต้า เพราะถ้าเราไม่มีดาต้า เราแพ้แน่”

แต่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่สำคัญไม่แพ้การนำเทคโนโลยีมาใช้ หรือการเพิ่มทักษะของคน เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น ในสิงคโปร์มีการสนับสนุนงบฯด้านการพัฒนาทักษะ AI ให้กับประชากรในประเทศด้วย

“บางคนอาจจะรู้สึกว่า AI เป็นเรื่องใหม่ในยุคนี้ แต่ถ้ามีการเพิ่มแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ เข้าไป เราจะเริ่มเห็นยูสเคสที่ชัดเจนมากขึ้น และเข้าใจว่าการนำ AI มาใช้ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว เพราะถ้าย้อนกลับไปในยุคที่โคมไฟถูกประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ หรือช่วงไอโฟน (iPhone) เกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีก่อน คนยังไม่คุ้นชินว่าสิ่งนี้ช่วยเราอย่างไร แต่พอมีการพัฒนาแอปต่าง ๆ เข้ามา คนก็รู้ว่าจะใช้ประโยชน์สิ่งนี้อย่างไร”