“เอไอเอส” ชู NEXT G ชิงภาพลักษณ์ผู้นำไฮเทค

ต้องอัพเดตเพื่อเติมความพิเศษอยู่เสมอทั้งคุณภาพเครือข่าย และการบริการ ล่าสุดยกระดับเครือข่ายขึ้นไปอีกขั้น โดยใช้โค้ดเนมว่า “NEXT G” ไม่ต้องระบุกันแล้วว่า เป็นกี่ G

“ปรัธนา ลีลพนัง” หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าวว่า การแข่งขันระหว่างผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือยังคงดุเดือดต่อเนื่อง แต่เอไอเอสมุ่งเน้นด้านดิจิทัลโดย พยายามสอดประสานบริการโทรศัพท์มือถือ, บรอดแบนด์ และคอนเทนต์เข้าด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้าเห็นคุณค่าและสนใจใช้บริการ ไม่ได้เน้นการแข่งขันด้านราคาทำให้ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ยอดยกเลิกการใช้งานดีขึ้น แต่ไม่ได้เห็นชัดมาก เพราะปกติมียอดยกเลิกไม่สูง

ปัจจุบัน เอไอเอสมีฐานลูกค้า 44 ล้านราย เป็นกลุ่มที่ใช้บริการ 4G จำนวน 16 ล้านราย และมีลูกค้าแบบรายเดือน 6.5 ล้านราย โดยลูกค้าเอไอเอสใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 5-6 GB ต่อเดือน เพิ่มขึ้นจาก 4 GB ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจาก 4G มีการใช้มากขึ้น และการแข่งขันที่รุนแรงทำให้ลูกค้าสามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้เยอะหรือไม่อั้น ประกอบกับเทรนด์การใช้งานของผู้บริโภค เน้นดูคอนเทนต์ โดยเฉพาะวิดีโอความคมชัดสูงขึ้น ซึ่งเอไอเอสมีลูกค้าที่ใช้บริการแอปพลิเคชั่น “เอไอเอสเพลย์” และ “เอไอเอส เพลย์บ็อกซ์” ประมาณ 1 ล้านราย ถือเป็นผู้ให้บริการพรีเมี่ยมวิดีโอที่ใหญ่ที่สุด และในครึ่งปีหลังจะทยอยนำคอนเทนต์ออกมาทำตลาดเรื่อย ๆ

ล่าสุด ร่วมมือกับพันธมิตร KT (Korea Telecom) นำเทคโนโลยี Multipath TCP รวมความเร็วอินเทอร์เน็ตของเครือข่ายมือถือและเครือข่ายไวไฟเข้าด้วยกัน โดยใช้เวลาพัฒนาร่วมกันประมาณ 1 ปี ถือเป็นผู้ให้บริการรายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เปิดให้บริการเครือข่ายดังกล่าว เรียกว่า “AIS NEXT G” ทำให้ใช้ความเร็วอินเทอร์เน็ตได้สูงสุดถึง 1Gbps เหนือกว่า 4G และเร็วเป็น 2 เท่าของความเร็วของคู่แข่งในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม การใช้งานเครือข่าย AIS NEXT G ต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีทั้งสัญญาณ AIS 4G และ AIS SUPER WiFi ในพื้นที่เดียวกัน ปัจจุบัน AIS WiFi มีจุดให้บริการอยู่ 80,000 จุด ส่วนใหญ่เป็นเมืองใหญ่เช่น กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, หาดใหญ่ โดยโทรศัพท์มือถือที่รองรับบริการดังกล่าวได้จะต้องเป็นรุ่นที่ได้รับการอัพเดต FOTA แล้ว ขณะนี้มีซัมซุง 4 รุ่น ได้แก่ Galaxy S8 และ S8 Plus, GalaxyS7 และ S7 Edge ซึ่งในอนาคตเครื่องระดับไฮเอนด์จะรองรับได้ทั้งหมด

โดยลูกค้าเอไอเอสที่ใช้แพ็กเกจ 4G Max speed Unlimited 1,099 บาทขึ้นไป และมีเครื่องที่รองรับเครือข่ายดังกล่าวได้ก็จะใช้บริการได้ทันที ส่วนลูกค้าทั้งในระบบรายเดือนและเติมเงินในแพ็กเกจอื่นก็สามารถสมัครแพ็กเกจเสริม AIS NEXT G ได้ในราคา 159 บาท ได้รับอินเทอร์เน็ต 5 GB และ AIS Supper wifi ไม่จำกัด 7 วัน

“บริการนี้ตั้งใจพัฒนาออกมาเพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เน้นการดูวิดีโอ และตอบโจทย์คนที่ใช้เครื่องกาแล็คซี่ และมือถือมิดทูไฮท์ ในเบื้องต้น คาดว่าจะมีลูกค้าใช้บริการหลักแสนคน และด้วยความเร็วระดับนี้ทำให้รองรับการมาของเทคโนโลยี IoT ได้ดีขึ้น และเป็นการปูพื้นสำหรับเทคโนโลยี 5G ที่จะมาในปี 2020”

ด้าน นางบุษยา สถิรพิพัฒน์กุล รองประธานกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบริการลูกค้าและการบริการเอไอเอส กล่าวว่า นอกจากนี้เอไอเอสได้ทุ่มงบฯ 40 ล้านบาท ปรับโฉม AIS Shop ชั้น 4 เซ็นทรัลเวิลด์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “AIS THE DIGITAL GALLERY” รวบรวมสมาร์ทโฟน และ Gadget รุ่นใหม่ ๆ มาจำหน่าย มีสินค้าประมาณ 400 แบบ แบ่งอย่างละครึ่ง โดยในอนาคตสินค้า Gadget จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมทั้งมีการจัดวางโดยออกแบบให้เหมือน Gallery แสดงงานศิลป์ มีการวางสินค้าบนแท่นโชว์ (AIS Intelligence Unit) พร้อมมี Digital Guru คอยให้คำแนะนำและช่วยเหลือลูกค้า และในออนไลน์ได้นำ ArtificialIntelligence (AI), Chatbot และ Smart Knowledge Base มาตอบคำถาม ทั้งบนเว็บไซต์เอไอเอส และแอปพลิเคชั่น my AIS ตลอด24 ชั่วโมง

หลังจากนี้ จะเริ่มปรับโฉมสาขาอื่น ๆ ที่ถึงเวลาต้องรีโนเวต ซึ่งโดยปกติแต่ละสาขามีระยะเวลาประมาณ 5 ปี จึงมีการรีโนเวตใหม่ ซึ่งสาขาที่ต้องปรับปรุงหรือสาขาใหม่จะใช้รูปแบบเดียวกันนี้ เพราะเชื่อว่าตรงกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคนี้ ปัจจุบันเอไอเอส ช็อปมี 140 สาขา และเทเลวิซ ประมาณ 440 สาขา