ดีแทคปั้นโมเดลช็อปหารายได้ เฟ้นหา CMO ทุ่ม 100 ล้าน หนุนอีสปอร์ต

ดีแทคมั่นใจปีེ ธุรกิจชัดเจนตรงใจผู้บริโภค พร้อมลงทุน 1.3-1.5 หมื่นล้านบาท เสริมแกร่งมัดใจลูกค้า เดินหน้าหาโมเดล dtac shop เฟ้นเลือก CMO ใหม่ ทุ่ม 100 ล้านบาทบุกอีสปอร์ตเต็มตัว ย้ำดูแลครบทั้งพรีเพด-โพสต์เพด ปั้นสิทธิพิเศษดึงทั้งลูกค้าใหม่-เก่า

นางอเล็กซานดรา ไรช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปีนี้ทิศทางของดีแทคจะชัดเจนและมั่นคง หลังเคลียร์ปัญหาทั้งเรื่องคลื่น-สัมปทาน เรียบร้อย โดยจะเน้นการสื่อสารและทำความเข้าใจกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ เพราะเชื่อมั่นว่า ยิ่งเข้าใจ ยิ่งได้ใจลูกค้า ฉะนั้น จะต้องทำให้เข้าใจง่าย เข้าถึงได้ง่าย ตรงไปตรงมา ไม่ใช่แค่โฆษณาสวยหรูเท่านั้น

เร่งหา CMO-โมเดล Shop ใหม่

โดยตำแหน่ง “CMO” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด ที่ขณะนี้ซีอีโอนั่งรักษาการอยู่นั้น กำลังพิจารณาหาผู้ที่เหมาะสมที่จะร่วมงานกับดีแทค เช่นเดียวกับการทำงานกับพาร์ตเนอร์ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริการลูกค้าในรูปแบบของ dtac hall และ dtac shop แม้ว่าก่อนนี้จะปิดจุดให้บริการไปหลายแห่ง โดยเฉพาะที่เป็นแฟรนไชส์ แต่ไม่ได้จะยกเลิกไปทั้งหมด หรือผลักดันให้ใช้ช่องทางออนไลน์เท่านั้น แต่กำลังหาโมเดลที่จะผสมผสานระหว่างส่วนที่ดีแทคทำเองกับแฟรนไชส์ เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างใกล้ชิดที่สุด และมีช่องทางรายได้ที่หลากหลาย โดยปัจจุบันมี dtac hall 55 แห่ง dtac shop ที่บริษัทดำเนินการเอง 250 แห่ง และที่เป็นแฟรนไชส์ 108 แห่ง

“ยืนยันว่าจะเพิ่มจำนวนศูนย์บริการในปีนี้แน่นอน แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าต้องเท่าใด ขึ้นอยู่กับทำเลที่เหมาะสม”

ขณะที่การขยายเข้าสู่ตลาดฟิกซ์บรอดแบนด์เหมือนผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายอื่นนั้น ซีอีโอดีแทคกล่าวว่า มุ่งมั่นพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ๆ อยู่เสมอ แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคเชื่อว่า ผู้บริโภคจะสามารถใช้สมาร์ทโฟนทำทุกอย่างที่ต้องการได้ เช่นเดียวกับการพัฒนารองรับเทคโนโลยี 5G ที่ทำอยู่ตลอด และกำลังหาโมเดลธุรกิจที่เหมาะสม แต่การให้บริการเชิงพาณิชย์ต้องเป็นไปตามเวลาที่เหมาะสม

โดยปีนี้ บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 13,000-15,000 ล้านบาท เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับลูกค้า หลังจากปี 2561 ลงทุนราว 19,528 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อน

ทุ่ม 100 ล.บุกอีสปอร์ตเต็มตัว

ด้าน นางสุกัณณี เลิศสุขวิบูลย์ ผู้อำนวยการ สายงานการตลาดระบบเติมเงิน ดีแทค กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าทั้งที่ใช้ระบบพรีเพดและโพสต์เพด เนื่องจากเป็นบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าแตกต่างกัน แต่หลักสำคัญ คือ การเพิ่มสิทธิประโยชน์ที่จะดึงดูดลูกค้าใหม่ที่มีคุณภาพ และรักษาลูกค้าปัจจุบันให้ดีที่สุด ทั้งในส่วนของแพ็กเกจและดีแทครีวอร์ด รวมถึงจะเพิ่มบริการพิเศษอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าให้มากขึ้น และมีแคมเปญใหม่ต่อเนื่อง

“หัวใจสำคัญ คือ ต้องดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด ให้อยู่กับเราให้นานที่สุด ผลักดันทั้งพรีเพด โพสต์เพด แล้วให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกเอง ไม่ได้มุ่งแต่จะดึงให้ย้ายมาเป็นโพสต์เพด แต่ก็เริ่มเห็นเทรนด์ของตลาดที่ผู้ใช้บริการแบบพรีเพดจะย้ายมาใช้บริการโพสต์เพดมากขึ้น”

ล่าสุดได้จับมือกับ “การีนา” ผู้ให้บริการเกมรายใหญ่ ถือเป็นการบุกตลาดอีสปอร์ตอย่างจริงจังเป็นปีแรก หลังจากสนับสนุนด้านเกมมาระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากฐานลูกค้าของดีแทคราว 30% เป็นกลุ่มเกมเมอร์ และมีข้อมูลที่น่าสนใจ คือ ค่าเฉลี่ยการใช้จ่ายกลุ่มนี้จะสูงกว่าลูกค้าบริการเติมเงินปกติถึง 1 เท่าตัว จากค่าเฉลี่ยพรีเพดปกติที่ 150 บาท/คน/เดือน และโพสต์เพด 500 บาท/คน/เดือน

โดยดีแทคจะเป็นผู้สนับสนุนหลักการแข่งขัน “Free Fire Thailand Championship 2019 Presented by dtac” ซึ่งแคมเปญนี้เตรียมงบประมาณไว้ 100 ล้านบาท และสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกหากได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า

“มีการจับมือกับค่ายเกมใกล้ชิดขึ้น เร็ว ๆ นี้จะมีอีกหลายแคมเปญออกมา เพื่อให้ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ เป็นการวางแผนระยะยาวในการดูแลลูกค้า ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มฐานลูกค้าได้อีกเท่าไร แต่เทรนด์ตลาดมีการเติบโตมาตลอด”

สำหรับแนวโน้มการเปิดแพ็กเกจหรือซิมพิเศษสำหรับเกม มีโอกาสเป็นไปได้ โดยเฉพาะแพ็กเกจสำหรับเกม ทั้งนี้ ต้องรอดูการตอบรับก่อน

“ปัจจุบันตลาดเกมมีมูลค่าถึง 20,000 ล้านบาท โดยเราเลือกสนับสนุนเกม เพราะสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้กว้าง สามารถตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเด็ก ๆ ได้ ยิ่งตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมด้วย”

ถอยแพ็ก “เน็ตไม่อั้น”

ตอนนี้ในตลาดเริ่มไม่มีแพ็กเกจใช้โมบายอินเทอร์เน็ตไม่อั้น เพราะมีการนำไปใช้ที่ไม่เหมาะสม กระทบกับลูกค้ารายอื่น ๆ ดังนั้น จากนี้ดีแทคจะไม่มีแพ็กเกจอันลิมิตให้ลูกค้าใหม่ แต่มีแพ็กเกจที่เหมาะสมให้แทน

“ปัญหาหลัก ๆ คือ การดูแลลูกค้าเดิม เพราะลูกค้ามักบ่นว่าลูกค้าเดิมไม่ได้รับการดูแลเท่าลูกค้าใหม่ จึงต้องโฟกัสตรงนี้ เหตุผลในการย้ายค่ายในปัจจุบัน คือ ต้องการโปรฯที่ดี ส่วนแคมเปญซับซิไดซ์สมาร์ทโฟนก็ยังมี เพราะลูกค้ามีการเปลี่ยนเครื่องอยู่ตลอด”