ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2562 “ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์” ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ได้เผยแพร่บทความ “ท่อร้อยสาย กทม. …ข่าวดีเล็กๆ กับข่าวร้ายใหญ่ๆ” ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า
เพื่อนๆ ครับ ผมมี “ข่าวดีเล็กๆ” และเรื่องที่สงสัยว่าจะเป็น “ข่าวร้ายใหญ่ๆ” มาเล่าให้ฟังครับ อาจยาวนิดหนึ่งแต่อยากให้อ่านและแชร์ออกไปนะครับ
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
“ข่าวดีเล็กๆ” คือ กทม. มีแผนที่จะลดปัญหาการที่สายเคเบิ้ลต่างๆ แขวนรกหูรกตาอยู่บนเสาไฟฟ้า โดยจะย้ายสายเหล่านั้นลงไปใต้ดิน ให้ไปอยู่ใน “ท่อร้อยสาย” ทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็น “มหานครไร้สายสื่อสาร” และเป็น “สมาร์ทซิตี้” ที่มีภูมิทัศน์สบายตาภายในปี 2564
ส่วนเรื่องที่สงสัยว่าจะเป็น “ข่าวร้ายใหญ่ๆ” ที่มาพร้อมกันก็คือ กทม. จะดำเนินการดังกล่าวโดยให้บริษัท กรุงเทพธนาคม ซึ่งเป็นบริษัทลูกของตน ทำสัญญากับผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมรายหนึ่ง ให้เป็นผู้รับเหมาบริการโครงข่ายท่อร้อยสายใต้ดินทั้งหมด โดยให้สิทธิผูกขาดรายเดียวเป็นเวลา 30 ปี
ทั้งหมดนี้หมายความว่า ปัญหาการผูกขาดใหม่กำลังจะเกิดขึ้นในวงการโทรคมนาคมไทย เพิ่มเติมจากการผูกขาดที่มีอยู่มากมายในปัจจุบัน แน่นอนว่า การผูกขาดเหล่านี้จะเพิ่มภาระให้แก่ผู้บริโภค ทั้งประชาชนทั่วไปและภาคธุรกิจ ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้
ความเสี่ยงอาจเกิดขึ้นในหลายรูปแบบ เช่น ผู้ประกอบการที่ได้สิทธิผูกขาดท่อร้อยสายอาจกีดกันผู้ประกอบการรายอื่นที่เป็นคู่แข่งของตนในตลาดโทรคมนาคมไม่ให้สามารถใช้ท่อได้ โดยอ้างเหตุต่างๆ ทางเทคนิค เช่น สัญญาณรบกวนกัน หรือให้ใช้ได้ แต่คิดค่าบริการแพงๆ หรือให้บริการช้าๆ หรือทำให้สายของคู่แข่งเสียบ่อยๆ จนไม่สามารถแข่งขันได้
ทั้งหมดนี้อาจไม่ใช่เรื่องวิตกกังวลที่เกินจริง หากพิจารณาถึงความหวาดระแวงของผู้ประกอบการแต่ละรายที่มีต่อกัน
แต่เดิมเรื่องนี้ไม่มีปัญหา เพราะผู้ประกอบการโทรคมนาคมทั้งหลายสามารถปักเสาสื่อสารเอง หรือพาดสายของตนบนเสาไฟฟ้าได้ แต่เรื่องที่เคยทำกันได้มานานก็กำลังจะกลายเป็นปัญหาในไม่ช้า เพราะเมื่อมีท่อร้อยสายใต้ดินแล้ว กทม. ก็จะห้ามพาดสายในที่สาธารณะ โดยอ้างเหตุผลด้านความสะอาดและความเป็นระเบียบ ตามกฎหมายรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 ทั้งนี้ผู้ฝ่าฝืนก็จะมีโทษทางกฎหมาย และถูกสั่งให้รื้อถอนได้
เป็นความจริงครับว่า ท่อร้อยสายดังกล่าวเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีลักษณะ “ผูกขาดโดยธรรมชาติ” เพราะไม่ควรต้องมีการลงทุนซ้ำซ้อนกันหลายท่อ เหมือนกับการไม่ควรต้องมีสายไฟฟ้าหลายสาย หรือท่อน้ำประปาหลายท่อต่อเข้าบ้านแต่ละหลัง
ในต่างประเทศ เทศบาลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ มักจะเป็นผู้ดำเนินการท่อไร้สายด้วยตนเอง โดยเดินสายไฟเบอร์ไว้เสร็จสรรพในท่อร้อยสาย และเปิดให้ผู้ประกอบการโทรคมนาคมที่ต้องการใช้ สามารถใช้ได้ในราคาที่กำหนด
การดำเนินการของ กทม. ดังกล่าวมาข้างต้นแตกต่างจากในต่างประเทศ และจะสร้างปัญหาด้วย 2 เหตุผลคือ หนึ่ง เป็นการโอนการผูกขาดของรัฐไปให้แก่เอกชน โดยเป็นการโอน 2 ต่อ ต่อแรกคือ โอนจาก กทม. ไปให้กรุงเทพธนาคมที่เป็นบริษัทลูกที่แสวงหาผลกำไร ต่อที่สองคือ โอนจากกรุงเทพธนาคมไปให้แก่เอกชนอีกที แน่นอนว่า เอกชนย่อมมีแรงจูงใจในการทำกำไรมากกว่ารัฐ ซึ่งจะทำให้เกิดการคิดบริการที่แพงกว่า ยิ่งการโอนสิทธิผูกขาดสองต่อ ก็จะยิ่งทำให้มีการบวกกำไรที่สูง 2 ครั้ง ราคาค่าบริการก็จะยิ่งแพงขึ้น
สอง เอกชนที่ได้สิทธิผูกขาดยังเป็นผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม ซึ่งแข่งกับผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมรายอื่นๆ ด้วย จึงเสี่ยงที่จะมีพฤติกรรมกีดกันการแข่งขันของผู้ประกอบการรายอื่น
หากเราปล่อยให้การดำเนินการเช่นนี้เกิดขึ้นในกรุงเทพ อีกไม่นานก็อาจเกิดการผูกขาดแบบเดียวกันทั่วประเทศ เพราะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ เช่น เทศบาลก็อาจจะทำตามในลักษณะเดียวกัน ถึงเวลานั้น ต้นทุนของบริการโทรคมนาคมทั้งประเทศไทยก็จะสูงขึ้นไปอีก และทำให้เราไม่สามารถแข่งขันใน “เศรษฐกิจดิจิทัล” ได้
ในความเห็นของผม เรื่องนี้มีทางออกง่ายนิดเดียวคือ การทำเหมือนต่างประเทศ นั่นคือ กทม. ควรเป็นผู้ให้บริการท่อร้อยสาย พร้อมไฟเบอร์เสียเอง และให้เอกชนแต่ละรายสามารถมาเช่าใช้ได้อย่างเสมอภาค ในราคาที่เหมาะสมคือสอดคล้องกับต้นทุน ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช.
หาก กทม. ไม่ดำเนินการตามที่เสนอ ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคก็ควรไปร้องเรียนกับ กสทช. และคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่ตั้งขึ้นใหม่ที่มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้เกิดการผูกขาด
ผมหวังว่า แนวคิดเรื่อง “สมาร์ทซิตี้” จะเป็นข่าวดีของประชาชน ไม่ใช่กลายเป็นข่าวร้ายที่มีหน่วยงานรัฐโอนสิทธิผูกขาดให้เอกชน และสร้างต้นทุนให้แก่ประเทศและประชาชน แบบที่เคยเกิดบ่อยๆ ในประเทศไทยนะครับ
คลิกอ่าน :