TrueMoney เผยผลสำรวจการใช้ e-Wallet ในรั้วมหาวิทยาลัย ครึ่งปีแรก “โอนเงินให้เพื่อน”ยอดสูงสุด

รายงานจาก TrueMoney ผู้ให้บริการอิเล็กทรอนิกส์เพย์เมนท์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 ผู้ใช้ e-Wallet ที่เป็นกลุ่มนักศึกษา ได้สร้างมูลค่าธุรกรรมต่าง ๆ บน TrueMoney Wallet ไปแล้วกว่าหลายร้อยล้านบาท

และจากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน 257 คน จาก 8 มหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศไทย ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, มหาวิทยาลัยรังสิต, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า

35% มีการใช้จ่ายผ่าน e-Wallet ทุกวัน โดยบริการที่ใช้มากที่สุด 81% โอนเงินระหว่างบุคคล 61% ช้อปปิ้งออนไลน์ 37% เติมค่าโทรศัพท์มือถือ 14% สแกนจ่ายผ่าน QR Code ในโรงอาหาร

และเมื่อเจาะลงไปที่บริการที่มีผู้ใช้มากที่สุดคือ การโอนเงินระหว่างบุคคล พบว่า ส่วนใหญ่ใช้เพื่อคืนหรือแชร์ค่าอาหาร จ่ายค่าแท็กซี่ ฝากซื้อของ

ผลสำรวจจาก VISA คาดว่าในอนาคตคนไทยจะเข้าสู่สังคมไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบ เร็วสุดภายใน 3 ปี ขณะที่ผู้บริโภคที่นิยมใช้เงินสดในการทำธุรกรรมทางการเงินมีเพียง 43% โดยมี 42% พกเงินสดน้อยลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

ที่น่าสนใจคือ กว่า 60% ของคนที่พยายามใช้เงินผ่านช่องทางดิจิทัลสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้หนึ่งวันโดยไม่ต้องใช้เงินสด และมีจำนวนถึง 45% ที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินสดเลยได้นานกว่า 3 วัน นั่นสะท้อนให้เห็นเทรนด์การใช้จ่ายเงินในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่วันนี้เพียงแตะ สแกน จ่ายเงิน สิ่งนี้ไม่ใช่แค่การ transform อุตสาหกรรม แต่ยังเป็นการ transform พฤติกรรมการใช้จ่ายตั้งแต่วัยเรียนอีกด้วย

ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ควบคู่กับการเติบโตของเทคโนโลยีของกลุ่มนักเรียนนักศึกษาช่วยผลักดันอีโคซิสเต็มของ e-Wallet ในประเทศไทยให้เติบโตต่อเนื่อง จนอาจนำไปสู่การสร้างแพลตฟอร์ม National Student e-Wallet ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคตก็เป็นได้

และยังเป็นกลุ่มผู้นำเทรนด์ ที่กำลังถูกจับตามองจากแบรนด์ต่าง ๆ ในอนาคต หากภาครัฐ ภาคเอกชน ในระบบการศึกษาสามารถทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ อาจจะมีแพลตฟอร์ม e-Wallet ที่เข้าใจทุกโจทย์การใช้จ่ายในด้านการศึกษาทุกระดับก็เป็นได้ มีความเป็น Inclusivity ไปสู่การเป็น National Student e-Wallet แก่เด็กและเยาวชนไทย โดยผูกและเชื่อมโยงทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในด้านการศึกษาไว้ ตั้งแต่กองทุน เงินทุนกู้ยืม ค่าเล่าเรียน และจิปาถะอื่น ๆ เป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้สร้างพฤติกรรมการจับจ่ายที่ล้ำสมัยและมีความปลอดภัยไปอีกขั้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ทุกคนในอนาคต