นวัตกรรม “Tetra Pak” ตอบโจทย์ธุรกิจโดนใจผู้บริโภค

การนำเทคโนโลยี มาพัฒนาในทุกกระบวนการของธุรกิจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในปัจจุบัน ขณะเดียวกันการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมก็เป็นอีกแนวโน้มสำคัญที่ทั่วโลก “ใส่ใจ”

“เต็ดตรา แพ้ค” (Tetra Pak) บริษัทผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารระดับโลก ใช้ประสบการณ์ธุรกิจกว่า 60 ปี ผสานกับเทคโนโลยีใหม่ เปิดตัวศูนย์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้า (Customer Innovation Centre : CIC) แห่งแรกในเอเชีย ที่สิงคโปร์ ตั้งแต่ปี 2560 เพื่อเป็นที่ทำงานร่วมกับผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มในการออกแบบและคิดค้นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคทั้งในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ตอกย้ำแนวคิด “protects what”s good”

ดึง “ข้อมูล” ปั้นนวัตกรรม

“รัตนศิริ ติลกสกุลชัย” ผู้อำนวยการฝ่ายมาร์เก็ตติ้งเซอร์วิสเซส บริษัท เต็ดตรา แพ้ค เอเชียแปซิฟิค เปิดเผยว่า การทำความเข้าใจกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจยุคนี้ทั้งทั่วโลกยังให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและการทำลายสิ่งแวดล้อม ทำให้การออกแบบ smart packaging ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย จึงเป็นที่ต้องการของภาคธุรกิจ

Mass ไม่ตอบโจทย์

“เรามีฐานข้อมูลจำนวนมาก เพื่อการวิเคราะห์การตลาด ขนาดและพื้นที่ในการลงทุน และปริมาณการผลิต และยังมีพื้นที่ทดลองออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้ลูกค้าตามกระแสการบริโภคในปัจจุบันได้ อาทิ การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่ทำให้บรรจุภัณฑ์ต้องใช้งานง่าย หรือผู้บริโภคที่ต้องการความแตกต่างไม่ซ้ำใคร ทำให้การผลิตแบบ mass production อาจไม่ตอบโจทย์แล้ว”

จากข้อมูลการวิจัยของมหาวิทยาลัยโอทาโก นิวซีแลนด์ ระบุว่า ผู้บริโภคชาวจีนถึง 89% พอใจที่จะซื้ออาหารและเครื่องดื่มจากสมาร์ทแพ็กเกจจิ้งมากกว่าบรรจุภัณฑ์ทั่วไป เพราะตรวจสอบกระบวนการผลิตและความปลอดภัยได้อย่างง่าย จึงมั่นใจในคุณภาพสินค้า

“unique ID” เทรนด์ใหม่มาแรง

ทั้ง “เต็ดตรา แพ้ค” ยังพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เชื่อมโยงผู้ผลิตสินค้าและผู้บริโภคได้โดยตรงผ่านแพลตฟอร์ม “connected package” ที่ผู้บริโภคสามารถสแกนคิวอาร์โค้ดบนบรรจุภัณฑ์เพื่อเข้าถึงข้อมูลทุกขั้นตอนการผลิตอาหาร ตั้งแต่ที่มาวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การขนส่ง การจัดจำหน่าย ซึ่งข้อมูลทั้งหมดถูกจัดเก็บแบบเฉพาะตัวสินค้ารายชิ้น unique ID ให้ตรวจสอบได้อย่างละเอียด

และในฝั่งผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มก็ยังสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภค ไม่ว่าจะการสร้างกิจกรรมร่วมลุ้นรางวัล ผ่านเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ เช่น แอปพลิเคชั่น Scan & Win ให้สแกนคิวอาร์โค้ดบนบรรจุภัณฑ์ เพื่อใช้แลกเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าชิ้นถัดไป ซึ่งในประเทศยุโรปตอนใต้ ช่วยให้ยอดขายเพิ่มถึง 16%

ทั้งกำลังพัฒนาแอปพลิเคชั่น Treasure Hunt เกมที่จำลองขึ้นบนแผนที่ภูมิประเทศ ให้ผู้บริโภคเล่นเกมสะสมแต้มแลกสิทธิประโยชน์ได้ ซึ่งช่วยสร้างความน่าสนใจให้กับสินค้ามากขึ้น

เช็กได้ทั้ง Supply Chain

ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถสร้างความสะดวกต่อการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) การผลิตให้สามารถตรวจสอบยืนยันในขั้นตอนต่าง ๆ ของกระบวนการผลิต โดยข้อมูลทั้งหมดถูกบันทึกและควบคุมไว้ด้วยระบบคลาวด์ “plant master” ที่ผู้ผลิตสามารถควบคุมเครื่องจักรการผลิตและควบคุมการจัดสต๊อกสินค้าผ่านระบบดิจิทัล ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0

ที่สำคัญคือทำให้การเรียกคืนสินค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ หากเกิดข้อผิดพลาดในการผลิต ทั้งหมดล้วนสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ ช่วยลดความผิดพลาดและค่าใช้จ่ายในการผลิตสินค้าและในอนาคต เต็ดตรา แพ้ค ตั้งเป้าการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ภายใต้แพลตฟอร์ม “intelligent package” เพื่อเป็นบรรจุภัณฑ์ดิจิทัลที่สื่อสารกับผู้บริโภคได้มากขึ้น โดยสามารถแจ้งเตือนวันหมดอายุอาหารในตู้เย็นผ่านระบบดิจิทัลได้ด้วยตัวบรรจุภัณฑ์เอง

สู่ยุคใส่ใจสิ่งแวดล้อม

จากข้อมูลของยูโรมอนิเตอร์ (Euromonitor) ปี 2559 ระบุว่า ผู้บริโภคทั่วโลกถึง 30% ตัดสินใจซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับแรก ดังนั้น บริษัทผู้ผลิตสินค้าที่ใช้กระบวนการผลิตที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีสามารถใช้งานได้อย่างเป็นมิตรกับธรรมชาติ รวมถึงสามารถรีไซเคิลหรือย่อยสลายได้ 100% ก็จะเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้นในอนาคต

ผู้บริโภคในปัจจุบันต้องการมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมกับบริษัทผู้ผลิตสินค้า

ดังนั้น เต็ดตรา แพ้ค จึงใช้วัตถุดิบในการผลิตบรรจุภัณฑ์ของเรามาจากป่าปลูกเชิงพาณิชย์ และทรัพยากรที่สามารถทดแทนได้เท่านั้น และเร็ว ๆ นี้เรายังจะทำการผลิตหลอดดูดน้ำจากเยื่อกระดาษที่สามารถย่อยสลายได้ 100% อีกด้วย