ยังเป็นประเด็นที่ถูกจับตาต่อเนื่องสำหรับสงครามการค้า “จีน-สหรัฐ” ที่มี “หัวเว่ย” ตกเป็นเป้า ล่าสุดบนเวที Huawei Global Analyst Summit (HAS) งานใหญ่ประจำปีของหัวเว่ย
“กัว ผิง” ประธานกรรมการบริหารหมุนเวียนตามวาระของหัวเว่ย ได้กล่าวสุนทรพจน์เปิดงาน “หัวเว่ย : หนึ่งปีที่ผ่านมาและอนาคตเบื้องหน้า” ระบุว่า แม้ว่าทางหัวเว่ยจะต้องเผชิญกับการถูกจำกัดในการเข้าถึงเทคโนโลยีหลายอย่าง แต่ก็ยังก้าวผ่านอุปสรรคดังกล่าวและเติบโตได้ในช่วงปีที่ผ่านมา สร้างรายได้ถึง 858.8 พันล้านหยวน และทำกำไร 62.7 พันล้านหยวน รวมถึงลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา อีก 131.7 พันล้านหยวน เพิ่มจากปีก่อน 29.8%
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
ขณะที่ความขัดแย้งจากสงครามการค้านั้น “กัว ผิง” ย้ำถึงความสำคัญของระบบโลกาภิวัตน์ว่า การแบ่งแยกห่วงโซ่อุปทานการผลิตจะไม่เกิดประโยชน์กับฝ่ายใด และจะยิ่งสร้างผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมไอซีทีทั้งหมด โดยสิ่งที่ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันทำคือการส่งเสริมการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา การรักษาระบบการแข่งขันอย่างเสรีและเปิดกว้าง และสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือการสร้างความร่วมมือกันเพื่อรักษาระบบห่วงโซ่อุปทานการผลิตโลก
“แรงกดดันของสหรัฐที่ต้องการต่อต้านหัวเว่ย ไม่เพียงทำให้ส่งผลกระทบต่อหัวเว่ยเท่านั้น แต่ส่งผลกระทบต่อการใช้งานของผู้บริโภค และผู้บริโภคที่ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของหัวเว่ยด้วย”
ทั้งนี้ โครงสร้างทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะเป็นพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่สำคัญในอนาคต โดยในปี 2568 เศรษฐกิจดิจิทัลจะมีมูลค่าถึง 23 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหัวเว่ยตั้งเป้าการลงทุนเพื่อพัฒนานวัตกรรมใน 3 ส่วน ได้แก่ การเชื่อมโยง (connectivity) การประมวลผลคอมพิวเตอร์ (computing) และอุปกรณ์อัจฉริยะ (smart devices) เพื่อยกระดับการบริการลูกค้า และพันธมิตรธุรกิจของบริษัท เพื่อพัฒนาระบบห่วงโซ่อุปทาน มาตรฐานและการบริหารบุคลากรขององค์กรซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมต่าง ๆ และยกระดับความร่วมมือกับทุกภาคส่วน
30 ปีที่ผ่านมา หัวเว่ยได้ติดตั้งเครือข่ายไปแล้วมากกว่า 1,500 เครือข่าย ในพื้นที่ต่าง ๆ กว่า 170 ประเทศ รองรับการใช้งานของประชากรมากกว่า 3,000 ล้านคนทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีการให้บริการอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์แก่ผู้บริโภคกว่า 600 ล้านคน