เอปสันแก้โจทย์กำลังซื้อ ปรับกลยุทธ์ชูโมเดลเช่าเจาะ “บีทูบี”

ภาพจากเฟซบุ๊ก Epson

“เอปสัน” พลิกกลยุทธ์ธุรกิจรับมือกำลังซื้อผู้บริโภคไม่กระเตื้อง ชูบริการ “เช่าเครื่องถ่ายเอกสาร-พรินเตอร์” ราคาเบา ๆ เริ่มต้นแค่เดือนละ 900 บาท เจาะลูกค้าองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มลูกค้าบีทูบีเป็น 50% ของรายได้รวมภายในปี 2567

ผู้บริหารเอปสัน

นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดสินค้าไอทีมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่เดือน พ.ค.-มิ.ย.ที่ผ่านมา จากมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ของรัฐบาลทำให้ผู้บริโภคเริ่มกลับมาจับจ่ายใช้สอย และซื้อสินค้าไอทีมากขึ้น เนื่องจากบางส่วนยังต้องทำงานที่บ้านต่อ รวมถึงมีการเรียนผ่านระบบออนไลน์จากที่บ้านด้วย ประกอบกับภาคธุรกิจและหน่วยงานราชการทยอยกลับมาเปิดทำงานแล้ว ส่งผลให้ความต้องการใช้อุปกรณ์สำนักงานเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดการณ์ว่าในปีนี้ตลาดสินค้าไอทีที่เจาะกลุ่มผู้บริโภคเป็นหลักมีโอกาสเติบโตลดลง เนื่องจากผู้บริโภคยังชะลอการใช้จ่าย เนื่องจากมีความไม่มั่นใจในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกรณีเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ปัญหาการเมือง และการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยังคงไม่มีวัคซีนรักษา

ขณะที่สินค้าไอทีที่เจาะกลุ่มลูกค้าองค์กร หรือบีทูบี (business to business) เช่น หุ่นยนต์ เครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์ เป็นต้น กลับมีโอกาสขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการปรับตัวของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาสร้างความแตกต่างให้ธุรกิจของตนเองมากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปมาก ต้องการสินค้าหรือบริการที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้นและจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทปรับทิศทางธุรกิจใหม่ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจ ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

1.การปรับเปลี่ยนกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กรตั้งแต่การปรับด้านระบบบัญชี แบ็กออฟฟิศ การเทรนนิ่งพนักงาน เพื่อสนับสนุนการขาย และรองรับการขยายธุรกิจไปยังลูกค้ากลุ่มบีทูบี ตามด้วย

2.การพัฒนาและเพิ่มสินค้าเชิงพาณิชย์มาอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และทยอยเปิดโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ต่อเนื่อง ล่าสุด เปิดบริการให้เช่าเครื่องถ่ายเอกสาร พรินเตอร์ ในราคาเริ่มตั้งแต่ 900 บาทต่อเดือน จนถึงหลักหมื่นบาทต่อเดือน ตามขนาดและความต้องการของธุรกิจ

และสุดท้าย 3.การนำเสนอคุณค่าให้ลูกค้าองค์กร โดยเน้นที่การเข้าไปช่วยแก้จุดอ่อนและตอบโจทย์ความต้องการด้านงานพิมพ์ภายในองค์กรให้แก่ลูกค้ามากขึ้น เช่น ช่วยลูกค้าในการลดต้นทุน เป็นต้น และมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการเปลี่ยนถ่ายองค์กรสู่เทคโนโลยีดิจิทัล

นอกจากนี้ บริษัทได้ฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น กลุ่มโรงพยาบาล ด้วยการเข้าไปพิมพ์ฉลากบนซองยาให้ รพ.ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ เป็นต้น

นายยรรยงย้ำว่า ด้วยแนวทางการดำเนินธุรกิจที่วางไว้จะทำให้ผลประกอบการในปีนี้ยังเติบโตเท่ากับปีก่อนที่มีรายได้ 3,862 ล้านบาท (ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า) โดยเป็นผลจากการขยายสัดส่วนรายได้จากลูกค้ากลุ่มบีทูบีเพิ่มเป็น 30% ของรายได้รวมจากปีก่อนที่มีสัดส่วนรายได้จากลูกค้ากลุ่มบีทูบีอยู่ที่ 25% และกลุ่มบีทูซี (business to consumer) 75% และมีเป้าหมายด้วยว่าในอีก 5 ปีจากนี้ หรือภายในปี 2567 สัดส่วนลูกค้า “บีทูบี” จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 50% หรือครึ่งหนึ่งของรายได้รวม

“ที่ผ่านมาตลาดสินค้าไอทีที่เจาะกลุ่มผู้บริโภคจะมีสภาพขึ้นลงตามกำลังซื้อ และสภาพเศรษฐกิจ ทำให้บริษัทที่มีรายได้หลักจากกลุ่มบีทูซีต้องปรับตัว โดยบาลานซ์พอร์ตรายได้ใหม่ โดยหันไปเน้นเจาะตลาดในกลุ่มลูกค้าบีทูบีมากขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต”.