ดีอีเอส ระบุ มีคำสั่งศาลเพื่อระงับ 5 สื่อออนไลน์ ที่เข้าข่ายทำผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว พร้อมปิดทันที หากได้รับคำสั่งจาก ผบ.ตร. เตือนประชาชนโพสต์ และแชร์ข้อความชวนไปม็อบ ยุยง ปลุกปั่นมีความผิด พบแล้ว 3 แสนกว่าเรื่อง
วันที่ 19 ตุลาคม 2563 นายภุชพงศ์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยถึง คำสั่งของกองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง หรือ กอร.ฉ. ที่ให้ตรวจสอบและระงับการออกอากาศสื่อออนไลน์ 5 สื่อ ได้แก่ วอยซ์ทีวี ประชาไท The Reporter The Standard และแฟนเพจเยาวชนปลดแอก ซึ่งเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
“คำสั่งดังกล่าว เป็นคำสั่งจาก กอ.ร.ฉ. ที่ส่งมายังกระทรวงโดยตรง เบื้องต้นทางกระทรวงได้ยื่นขอคำสั่งศาลแล้ว หากได้รับคำสั่งจากพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ ผู้อำนวยการกองอำนวยการ กอร.ฉ. ให้ระงับการออกอกาศ ทางกระทรวงก็พร้อมดำเนินการทันที โดยจะยึด และอายัดอุปกรณ์เพื่อเก็บเป็นหลักฐานด้วย
สำหรับความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทางกระทรวงได้ดำเนินการแจ้งไปยัง 5 สื่อแล้ว กำหนดระยะเวลา 15 วัน ต้องระงับทันที หากไม่ดำเนินการจะแจ้งความเอาผิดต่อกองบังคับการปราบปรามอาชาญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.)”
นอกจากนี้กระทรวงยังได้ตรวจสอบการกระทำความผิดในสื่อสังคมออนไลน์ของประชาชน ระหว่างวันที่ 13-18 ตุลาคม พบเนื้อหาที่เข้าข่ายสุ่มเสี่ยงกระทำผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และพ.ร.ก.ฉุกเฉินทั้งหมด 324,990 เรื่อง แบ่งเป็นทวิตเตอร์ 75,076 เรื่อง เฟซบุ๊ก 245,678 เรื่อง และเว็บบอร์ด 4,236 เรื่อง
โดยจะเร่งเอาผิดกับผู้โพสต์คนแรก ซึ่งมีทั้งแกนนำ นักการเมือง และผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวในโซเชียลมิเดีย เช่น เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ของนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธุ์ เฟซบุ๊กของนาย ภาณุพงศ์ จาดนอก ส่วนประชาชนที่แชร์และรีทวิตข้อความที่เข้าข่ายก็ถือว่ามีความผิดร่วมเช่นกัน
“สำหรับข้อความที่เข้าข่ายความผิด ได้แก่ ข้อความเชิญชวนไปร่วมชุมนุม ข้อความที่ยุยง ส่งเสริม ปลุกปั่น และบิดเบือนข้อเท็จจริง ภาพที่เซฟมาจากอินเทอร์เน็ตและนำมาใช้อ้างว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศ โดยหลังจากนี้จะเร่งตรวจสอบ และเก็บหลักฐานการนำเข้าข้อความที่เข้าข่ายความผิดในแพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ๆ เช่น ไลน์ และเทเลแกรมอีกด้วย”