“พุทธิพงษ์” แจงไม่โหลด “หมอชนะ” ไม่ผิด

พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์

“พุทธิพงษ์” ชี้ไม่โหลด “หมอชนะ” ไม่ผิดกฎหมาย แค่ขอความร่วมมือ เพื่อประโยชน์ต่อทุกส่วน พร้อมตอบทุกประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับ หมอชนะ ย้ำทุกข้อมูลที่เก็บปลอดภัยแน่

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงกรณีความสับสนของประชาชนในการโหลดแอปพลิเคชั่น “หมอชนะ” ว่า การโหลดแอปพลิเคชั่น “หมอชนะ” เป็นการรณรงค์เพื่อช่วยให้ติดตามควบคุมการแพร่เชื้อของโรคเท่านั้น

“การไม่โหลดแอปพลิเคชั่น หมอชนะ วันนี้ไม่ได้ผิดกฎหมาย ไม่โหลดไม่เป็นไร แต่เป็นการขอความร่วมมือประชาชนให้โหลดหมอชนะไว้ทุกคน เพราะคนที่โหลดก็จะได้ประโยชน์แก่ตัวเอง คนในครอบครัว เมื่อโหลดแล้วเวลาไปไหนเมื่อ 7 หรือ 10 วันที่ผ่านมา ก็อาจจะไม่รู้ว่ามีความเสี่ยงหรือไม่ คนที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือหรือระบบที่จะโหลดได้ ก็เข้าระบบปกติคือการบันทึกเอกสาร

ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุข ก็ได้มีการจัดทำเอกสารให้กรอกข้อมูล ทั้งนี้เมื่อโหลดและกรอกข้อมูลจะถือว่าทุกคนมีความเสี่ยงต่ำ เพราะระบบติดตามจะเริ่มเมื่อโหลดแอปพลิเคชั่นและติดตั้งเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นเมื่อเดินทางและไปอยู่ใกล้บุคคลที่มีความเสี่ยงไทม์ไลน์ก็จะเริ่มขึ้น ขอยืนยันว่าข้อมูลทั้งหมดปลอดภัยเป็นประโยชน์ต่อการติดตามควบคุมและง่ายต่อการสอบสวนโรค”

ขณะที่ประชาชนก็มีข้อกังวลและเกิดสับสน เกี่ยวกับ โหลดแอปพลิเคชั่น “หมอชนะ” ใน 3 ประเด็น

ประเด็นแรก เมื่อโหลดแอปพลิเคชั่นไปแล้วมีความปลอดภัยหรือไม่ ซึ่งยืนยันว่า มีความปลอดภัย เพราะเมื่อโหลดไปแล้วจะไม่ปรากฏชื่อ-นามสกุล แต่จะเป็นรหัสตัวเลขระบบคอมพิวเตอร์ เช่น 111 ดังนั้นเวลาเข้าไปดูจะไม่รู้ว่าเป็นใคร ซึ่งผู้ที่จะเข้าไปดูข้อมูลได้จะมีแต่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น และสามารถย้อนหลังได้ 14 วัน แล้วจะทราบว่าตัวเลขนี้ไปพบกับใครบ้าง ก็จะส่งสัญญาณเตือนเจ้าของหมายเลขนั้น ๆ ว่ามีความเสี่ยง

ประเด็นที่ 2 คือ ข้อกังวลเกี่ยวกับไทม์ไลน์ ซึ่งประเด็นนี้ หากทุกคนพร้อมใจกันโหลดแอปพลิเคชั่นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปบอกไทม์ไลน์ให้คนอื่นรู้ เพราะระบบตรวจสอบเองว่าคนที่ติด 1 คนได้ไปสัมผัสกับใครบ้างที่โหลด จึงสบายใจได้ว่าถ้ามีปัญหา มีความเสี่ยงหรือติดเชื้อจะได้ไม่ต้องมานั่งนึกไทม์ไลน์

ประเด็นสุดท้าย คือ ความปลอดภัยของข้อมูล เนื่องจากแอปพลิเคชั่น หมอชนะ ต้องมีการถ่ายรูป เพื่อยืนยันตัวตน โดยนายพุทธิพงษ์ ยืนยันว่า การถ่ายรูปในแอปฯ เป็นแค่การถ่ายรูปและเก็บไว้ในมือถือของบุคคลนั้น ๆ ไม่ได้นำมาเก็บไว้เป็นข้อมูลส่วนกลาง ซึ่งการถ่ายรูปยืนยันตัวตนในกรณีที่จะเดินทางข้ามจังหวัด ก็สามารถแสดงที่จุดตรวจหรือด่านได้

“ข้อกังวลที่หลายคนกลัว ว่า แอปพลิเคชันหมอชนะมีการติดตามทางไมโครโฟนว่าเวลาพูดอะไรออกไปแล้วจะดูดเสียงเก็บไว้ เพื่อเอาข้อมูล ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นความจริงและแอปพลิเคชั่นหมอชนะปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่ใช้ท่ามกลางการให้ระบาดเป็นวงกว้าง เพื่อให้หมอพยาบาลเฝ้าติดตามข้อมูลและป้องกันการติดต่อของเชื้อที่จะไปกับประชาชนที่เดินทางสามารถทำได้เร็วขึ้น และจำกัดการแพร่ตัวของโรคได้เร็วขึ้น”